แม้ ‘บล็อกเชน’ จะเป็นของใหม่ แต่ก็ไม่ใช่ ‘ตัวเปลี่ยนเกม’ ในโลกเทคโนโลยีการเงินแห่งอนาคต

Tech & Innovation

Digital Assets

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

แม้ ‘บล็อกเชน’ จะเป็นของใหม่ แต่ก็ไม่ใช่ ‘ตัวเปลี่ยนเกม’ ในโลกเทคโนโลยีการเงินแห่งอนาคต

Date Time: 6 ต.ค. 2566 19:00 น.

Video

3 มาตรการใหม่ ตลาดหลักทรัพย์ฯ คุมหุ้นร้อนผิดปกติ | Money Issue

Summary

  • วิวัฒนาการฟินเทค (Fintech) ไทยและเอเชีย จากเวที The Global Tech Talk @SCBX NEXT TECH สยามพารากอน รวมบุคคลสำคัญของวงการดิจิทัลร่วมแบ่งปันภาพรวมอนาคตฟินเทค หนึ่งในความเห็นที่น่าสนใจ ระบุ แม้บล็อกเชนจะกลายเป็นโครงสร้างพื้นฐาน แต่ตัวเปลี่ยนเกมที่แท้จริง คือเทคโนโลยีการควบคุม (Regtech)

Latest


ส่องเส้นทางวิวัฒนาการฟินเทค (Fintech) ไทยและเอเชีย จากเวที The Global Tech Talk @SCBX NEXT TECH สยามพารากอน รวมบุคคลสำคัญของวงการดิจิทัลจากนานาประเทศ มาร่วม แบ่งปันองค์ความรู้ดูภาพรวมและอนาคตของเทคโนโลยีทางการเงิน

จากจุดเริ่มต้นการชำระเงินด้วยคิวอาร์โค้ดของไทยจนติด 1 ใน 3 ประเทศที่มีการชำระเงินผ่านมือถือมากที่สุดในโลก ทั้งร้านค้าสะดวกซื้อ และระบบขนส่งมวลชนหลักของประเทศ แต่ยังคงมีส่วนพื้นที่ ที่บริการยังเข้าไปไม่ถึง อย่างกลุ่ม SMEs และเกษตรกร 

ธนวัฒน์ เลิศวัฒนารักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ เวนเจอร์ส จำกัด กล่าวว่า เราทุกคนล้วนมีบัญชีอยู่ในระบบสถาบันการเงิน แต่ผู้คนกว่า 80% ในประเทศไทย ยังไม่สามารถเข้าถึงบริการการเงินมากนัก แม้ว่าจะมีการใช้จ่ายเงินดิจิทัลแพร่หลาย จะเห็นได้จากบริการของกลุ่มเจมาร์ทเอง ซึ่งอยู่ในธุรกิจค้าปลีก แต่การซื้อสินค้าของผู้คนยังคงต้องการบริการการผ่อนชำระ แต่เมื่อไม่มีบัตรเครดิต ก็ไม่สามารถเข้าถึงสินค้าและบริการได้ J Ventures จึงพยายามเข้ามาตอบโจทย์ด้วยธนาคารเสมือนจริง

นายธนวัฒน์ เลิศวัฒนารักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ เวนเจอร์ส จำกัด
นายธนวัฒน์ เลิศวัฒนารักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ เวนเจอร์ส จำกัด

ด้าน ไมเคิล ซุง (Michael Sung) Chairman, Horizen Digital, and Director, Instituted of Digital Finance Innovation, Zhejiang University International Business School กล่าวว่า เทคโนโลยีบล็อกเชน (Blockchain) จะเป็นหนึ่งในเทคโนโลยีที่สำคัญ โดยสามารถมองเป็นอินเทอร์เน็ตแห่งความไว้วางใจรูปแบบใหม่ เพื่อให้สามารถกระจายอำนาจการควบคุม และเทคโนโลยีบล็อกเชนจะสามารถนำข้อมูลจากส่วนต่างๆ ของโลกมารวมกันได้ 

อย่างไรก็ตาม แม้บล็อกเชนจะกลายเป็นโครงสร้างพื้นฐาน แต่ตัวเปลี่ยนเกมจริงๆ ก็คือเทคโนโลยีการควบคุม (Regtech) เพราะปัจจุบันสกุลเงินคริปโต มีมูลค่าอุตสาหกรรมมากกว่า 1 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ และเมื่อแปลงข้อมูลสินทรัพย์เป็นดิจิทัล ก็จะทำให้สินทรัพย์นั้นเป็นอิสระ ซึ่งจะเป็นการลบขอบเขตของพรมแดนและภูมิศาสตร์หรือระบบนิเวศทางกายภาพ ซึ่งทำให้เกิดโมเดลธุรกิจใหม่ขึ้น โดยปัจจุบันเศรษฐกิจดิจิทัลคิดเป็นประมาณ 40% ของเศรษฐกิจโลก ซึ่งรวมทั้งสหรัฐอเมริกาและจีน

ไมเคิล ซุง (Michael Sung) Chairman, Horizen Digital, and Director, Instituted of Digital Finance Innovation, Zhejiang University International Business School
ไมเคิล ซุง (Michael Sung) Chairman, Horizen Digital, and Director, Instituted of Digital Finance Innovation, Zhejiang University International Business School

ขณะที่ตลาดทั่วเอเชีย ทั้งสิงคโปร์ ฮ่องกง และไทยถือเป็นสถานที่แห่งเดียวที่มีกรอบการกำกับดูแลที่ชัดเจน และเมื่อรับทราบถึงการดำเนินการทางด้านกฎระเบียบทางกฎหมายที่ชัดเจนแล้ว ก็จะสามารถปลดล็อกสินทรัพย์มูลค่าหลายล้านล้านดอลลาร์ เช่น มูลค่าหุ้น พันธบัตร สินค้าโภคภัณฑ์ ต่างๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่จีนกำลังทำอยู่ในขณะนี้ 

โดยคณะกรรมการปฏิรูปหลักทรัพย์ของจีน หรือ สำนักงาน ก.ล.ต. ของจีน กำลังแปลงหุ้นและพันธบัตรทั้งหมดเป็นดิจิทัลและวางไว้บนบล็อกเชน เพื่อเขียนเส้นทางสายไหมใหม่สู่การเป็นผู้นำการเงินดิจิทัลของโลก และเชื่อมโยงเครือข่ายไปกว่า 230 ประเทศทั่วโลก พร้อมวางโครงสร้างพื้นฐานใหม่คือ Silk Road แบบดิจิทัล ซึ่งเป็นบล็อกเชนอินเทอร์เน็ตแห่งความไว้วางใจ

และ รูเบน ลิม (Reuben Lim) COO, Singapore Fintech Association ให้ความเห็นว่า ปัจจุบัน ฟินเทคสามารถครองตลาดได้ทั้งหมด เนื่องจากในอดีต การทำธุรกิจหากต้องการชำระเงินผ่านธนาคารต้องใช้เวลานานถึง 3 วัน เพื่อรอรับเงินที่ระหว่างธนาคาร แต่เมื่อปรับเปลี่ยนมาใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนแล้ว จะสามารถลดเวลาลงเหลือเพียงไม่กี่นาที และยังสามารถเพิ่มประสิทธิผลของเงินขึ้นเป็นสามเท่า เนื่องจากบล็อกเชนเข้าไปช่วยตัดกระบวนการบางอย่าง และเพิ่มความปลอดภัยในการบันทึกธุรกรรมแทน ทั้งยังเพิ่มความเร็วในการทำธุรกรรม และเพิ่มสภาพคล่องแก่ธุรกิจมากขึ้นด้วย

รูเบน ลิม (Reuben Lim) COO, Singapore Fintech Association
รูเบน ลิม (Reuben Lim) COO, Singapore Fintech Association

แนวโน้ม Fintech ในอีก 5-10 ปีข้างหน้า

สำหรับแนวโน้มของฟินเทคในอนาคตจะสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้า (User centric) ได้มากขึ้น โดยมีสองเทรนด์ที่ตลาดต้องให้ความสำคัญดังนี้ 

เทรนด์แรก คือ “การเงินฝังตัว” (Embed Finance) แนวโน้มการลงทุนในการเงินแบบฝังตัวที่กำลังพุ่งสูงขึ้น ซึ่งเป็นบริการทางการเงินโดยผู้ให้บริการที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน และในอนาคตจะเป็นสิ่งที่ค่อนข้างท้าทายสำหรับธนาคารในการสร้างความแตกต่างทางด้านบริการให้เกิดขึ้น เนื่องจากผู้คนอาจไม่ไปธนาคารอีกต่อไป เพราะมีผู้ให้บริการมากมายที่จะนำเสนอบริการทางการเงิน ให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคมากขึ้น

เทรนด์ที่สอง คือ การจัดการข้อมูลอัจฉริยะ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่จะเข้ามาสร้างความได้เปรียบในการสร้างประสบการณ์ให้กับลูกค้า ด้วยข้อมูลในทุกวันนี้ที่เป็นมากกว่าทองคำ และสามารถผลักดันให้เกิดเศรษฐกิจดิจิทัลได้ ดังนั้น การแบ่งปันข้อมูลโดยได้รับความยินยอมแลกกับการรับบริการที่ดีขึ้นจะสามารถช่วยในการวางแผนการเงินของผู้บริโภคได้อย่างมีประสิทธิภาพ   

นอกเหนือจาก 2 เทรนด์ดังกล่าวแล้ว ก็มีเทรนด์ “ความยั่งยืน” และ “การขยายการธนาคาร” ซึ่งหากธนาคารสามารถจัดหาโซลูชันหรือฟังก์ชันของการให้บริการได้อย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพจะเป็นข้อได้เปรียบ เป็นสาเหตุที่ธนาคารต่างพยายามผลักดันขอบเขตของการให้บริการ ให้ขยายบริการออกไปให้ได้มากที่สุดเพื่อขยับไปสู่การเป็นธนาคารแถวหน้าของโลกต่อไปในอนาคต


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ