Tech & Innovation
Digital Assets
คนเขาดูออก จับตา Binance และ Coinbase รอดไม่รอด หลังถูก ก.ล.ต.สหรัฐฯ สั่งฟ้องพร้อมกันในวันเดียว
Date Time: 9 มิ.ย. 2566 14:09 น.
“Summary“
- ปี 2023 เป็นปีที่การวางระเบียบกฎหมายของสกุลเงินดิจิทัลเริ่มเข้มงวดในสหรัฐอเมริกา โดยหน่วยงานกำกับการเงินและอื่นๆ ได้ดำเนินการฟ้องร้องและควบคุมกิจการ Exchange ของสกุลเงินดิจิทัลในสหรัฐอเมริกา
- Binance และเจ้าของ Binance ชื่อ Changpeng Zhao (CZ) ถูกฟ้องร้องโดย ก.ล.ต.สหรัฐฯ ด้วยข้อหาเกี่ยวกับการซื้อขายสกุลเงินดิจิทัลที่ไม่ได้ลงทะเบียน และการให้บริการผลิตภัณฑ์ที่ไม่ได้ลงทะเบียน
- นอกจากนี้ยังมี Coinbase ที่ถูกฟ้องร้องโดย ก.ล.ต.สหรัฐฯ เนื่องจากการให้บริการเป็นนายหน้า, Exchange และ Clearing agency โดยไม่ได้ลงทะเบียน และการให้บริการซื้อขายหลักทรัพย์ที่ไม่ได้ลงทะเบียน
Latest
บริษัท คริปโตมายด์ กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ เผยแพร่บทความตั้งข้อสังเกตถึงกรณีที่ก.ล.ต.สหรัฐฯ สั่งฟ้องธุรกิจด้านคริปโตฯ อย่าง Binance และ Coinbase พร้อมกันในวันเดียว จะเป็นการส่งสัญญาณว่าสหรัฐฯ ไม่ต้องการคริปโตฯ อีกแล้วหรือไม่?
ปี 2023 นี้ เรียกได้ว่าเป็นปีแห่ง “การวางระเบียบกฎหมายของคริปโตเคอร์เรนซี” ก็คงจะไม่ผิดจากความเป็นจริงมากนัก เพราะหลังจากเหตุการณ์ Terra ล่มสลาย และ FTX ประกาศล้มละลายในปีที่ผ่านมา ผู้ควบคุมกฎหมายของสหรัฐฯ ไม่ว่าจะเป็น ก.ล.ต.สหรัฐฯ ที่นำทีมโดยประธานสภา Gary Gensler, หน่วยงานกำกับการซื้อขายสินค้าโภคภัณฑ์และสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (CFTC), กรมบริการทางการเงินแห่งรัฐนิวยอร์ก (NYDFS), อัยการสูงสุดของนิวยอร์ก (NYAG), กระทรวงยุติธรรม (DoJ) ได้ทำงานกันอย่างหนักในการฟ้องร้อง และควบคุม Exchange ที่ให้บริการในสหรัฐฯ มากกว่า 13 คดี นับตั้งแต่ต้นปี 2023 ซึ่งไม่เคยมีปีไหนที่มีการเข้มงวดมากขนาดนี้
โดยคืนวันที่ 5 มิถุนายน เวลาไทย ก.ล.ต.สหรัฐฯ ยื่นฟ้อง 13 ข้อหากับ Binance และ Changpeng Zhao (เจ้าของ Binance) โดยกล่าวหาว่าดำเนินธุรกิจอย่างผิดกฎหมายในสหรัฐอเมริกา เช่น ขาย BNB และ BUSD ซึ่งเป็นหลักทรัพย์ที่ไม่ได้ลงทะเบียน และให้บริการผลิตภัณฑ์ Simple Earn, BNB Vault, Staking นอกจากนี้ยังมีเรื่อง BAM Trading ของ Binance.US ให้บริการโดยไม่จดทะเบียน ส่วน CZ โดนข้อหาผู้มีอำนาจควบคุมแต่ละเลยการทำหน้าที่
แม้ว่าทางฝั่งของ Binance และ Changpeng Zhao จะออกมาปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา แต่ทาง ก.ล.ต.สหรัฐฯ ก็ยังยื่นศาลเพื่อขอคำสั่งอำยัดเงินของลูกค้าใน Binance US ชั่วคราว เหตุการณ์นี้ทำให้ราคา BNB ร่วงหนักเกือบ 10% ทันที และ BTC ร่วง 5.3% ซึ่งทำให้เกิดเหตุการณ์ “Binance US Premium” ชั่วคราว นั่นคือ BTC ใน Binance US ราคาสูงกว่าตลาดโลก 6% เนื่องจากนักลงทุนใช้ BTC โอนออกจาก Exchange เพราะโอนได้เร็วกว่าเงินดอลลาร์สหรัฐ
นอกจากนี้ ก.ล.ต.สหรัฐฯ ยังไม่หยุดเพียงแค่นั้น ภายในระยะเวลาไม่เกิน 24 ชั่วโมงหลังการฟ้อง Binance US ก็ได้ฟ้องร้อง Coinbase ข้อหาให้บริการเป็นนายหน้า, Exchange และ Clearing agency โดยไม่ได้ลงทะเบียนกับ ก.ล.ต.สหรัฐฯ และยังมีการให้บริการซื้อขายหลักทรัพย์ที่ไม่ได้ลงทะเบียน พร้อมกับการให้บริการ Staking Service ที่ไม่ได้ลงทะเบียนเช่นกัน
Brian Armstrong CEO ของ Coinbase ออกมาตอบโต้โดยว่า ก.ล.ต.สหรัฐฯ ได้ตรวจสอบและอนุญาตให้ Coinbase ประกอบกิจการในปี 2021 ด้วยตัวเอง ดังนั้นจึงเป็นไม่ได้ที่เราจะทำผิดกฎหมายที่กล่าวอ้างมา และตลาดได้ปรับตัวขึ้นกลับมาที่เดิมหลังจากร่วงหนักในตอนที่ฟ้อง Binance US
เหตุการณ์ในครั้งนี้ทำให้นักลงทุนเริ่มตั้งคำถามกับ ก.ล.ต.สหรัฐฯ อีกครั้งถึงการทำงานที่ไม่มีหลักการ และการให้สัมภาษณ์ของ Gary ว่า “สหรัฐฯ ไม่ต้องการคริปโตเคอร์เรนซีอีกต่อไป เพราะเรามีดอลลาร์สหรัฐ, ยูโร และเยน ที่เป็นดิจิทัลทั้งหมดแล้ว” ก็เป็นการส่งสัญญาณชัดเจนจาก ก.ล.ต.สหรัฐฯ แบบที่ไม่เคยพูดมาก่อน
ดังนั้นการประกอบธุรกิจ Exchange ในสหรัฐฯ หลังจากนี้คงจะมีความเข้มงวดที่สูงมาก ทางเลือกแรก แบบ Binance.US ที่จะ Delist เหรียญออกจากการขายมากกว่า 100 คู่เหรียญ และระงับการให้บริการ OTC ชั่วคราว โดยหวังว่าการทำเช่นนี้จะทำให้ Binance US ดำเนินธุรกิจต่อไปได้ ตรงกันข้ามกับ Coinbase ยืนยันจะสู้คดีและไม่ Delist เหรียญใดออก หรือหยุดให้บริการ Service ใดๆ ก็ตาม
“ทางเลือกไหนจะเป็นทางที่ถูกต้อง มีแต่เวลาและ ก.ล.ต.สหรัฐฯ เท่านั้นที่จะให้คำตอบได้”.
Author