บอร์ด ก.ล.ต. ไฟเขียว ทบทวนเกณฑ์ บริษัทกลุ่มเดียวกัน บริการรับฝากสินทรัพย์ดิจิทัลให้กันได้

Tech & Innovation

Digital Assets

กองบรรณาธิการ

Author

กองบรรณาธิการ

Tag

บอร์ด ก.ล.ต. ไฟเขียว ทบทวนเกณฑ์ บริษัทกลุ่มเดียวกัน บริการรับฝากสินทรัพย์ดิจิทัลให้กันได้

Date Time: 15 มี.ค. 2566 19:37 น.

Video

3 มาตรการใหม่ ตลาดหลักทรัพย์ฯ คุมหุ้นร้อนผิดปกติ | Money Issue

Summary

  • บอร์ด ก.ล.ต. ไฟเขียว ทบทวนเกณฑ์ บริษัทกลุ่มเดียวกัน บริการรับฝากสินทรัพย์ดิจิทัลให้กันได้ หนุนทำเองในไทย ลดความเสี่ยงจากต่างชาติ

บอร์ด ก.ล.ต. ไฟเขียว ทบทวนเกณฑ์ บริษัทกลุ่มเดียวกัน บริการรับฝากสินทรัพย์ดิจิทัลให้กันได้ หนุนทำเองในไทย ลดความเสี่ยงจากต่างชาติ

สำนักงาน ก.ล.ต. ได้เปิดเผยถึงแนวนโยบายการกำกับดูแลสินทรัพย์ดิจิทัลในภาพรวม ซึ่งได้เสนอต่อคณะกรรมการ ก.ล.ต. ในการประชุมครั้งที่ 5/2566 เมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2566 โดยครอบคลุมการกำกับดูแลตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ ได้แก่

การออกและเสนอขายโทเคนดิจิทัลในตลาดแรก การกำกับดูแลผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลในตลาดรอง รวมทั้งการกำกับผู้ประกอบธุรกิจตามระดับความเสี่ยงและการตรวจสอบการกระทำอันไม่เป็นธรรม สอดรับกับข้อพิจารณา 4 ประการ ของหน่วยงานกำกับดูแลด้านตลาดทุนสากล (International Organization of Securities Commissions: IOSCO) ที่สะท้อนสถานการณ์ในอุตสาหกรรมสินทรัพย์ดิจิทัลระดับโลกในช่วงที่ผ่านมา ประกอบด้วย

(1) การดูแลเรื่องความขัดแย้งทางผลประโยชน์
(2) การเก็บรักษาและการแยกทรัพย์สินลูกค้า
(3) การป้องกันการกระทำอันไม่เป็นธรรม
(4) ความร่วมมือระหว่างประเทศ

โดยมุ่งเน้นการสนับสนุนเศรษฐกิจดิจิทัล นวัตกรรม และการนำเทคโนโลยีมาใช้ในการระดมทุน ในขณะที่ยังคงคุ้มครองผู้ลงทุนอย่างเหมาะสม

ในการประชุมดังกล่าวคณะกรรมการ ก.ล.ต. ได้มีมติเห็นชอบการทบทวนหลักเกณฑ์สำหรับผู้ให้บริการรับฝากสินทรัพย์ดิจิทัล (custodial wallet provider) หรือ “ผู้ให้บริการฯ” ให้มีความยืดหยุ่นและเหมาะสมยิ่งขึ้น โดยผู้ให้บริการฯ ที่เป็นบริษัทจดทะเบียนและบริษัทย่อยในกลุ่มที่มีประสบการณ์เก็บรักษาทรัพย์สินของลูกค้า สามารถให้บริการแก่ผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล (ที่มีความเกี่ยวข้องกันในลักษณะที่มีผู้ถือหุ้นรายใหญ่ร่วมกัน) ได้ หากปฏิบัติตามเกณฑ์ความเป็นอิสระต่อกันตามที่กำหนด เพื่อสร้างระบบนิเวศของสินทรัพย์ดิจิทัลให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น ตลอดจนสนับสนุนให้มีผู้ให้บริการฯ ในประเทศที่มีคุณภาพ และลูกค้าที่ใช้บริการจะได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายของประเทศไทย ซึ่งสำนักงาน ก.ล.ต. จะเปิดรับฟังความคิดเห็นจากผู้เกี่ยวข้องต่อไป

คุณเอนก อยุ่ยืน รองเลขาธิการ ก.ล.ต. สายนวัตกรรมทางการเงิน และสายยุทธศาสตร์และแผนงาน กล่าวในการสัมภาษณ์กลุ่มกับสื่อมวลชนว่า เดิมทีตามเกณฑ์ระบุว่าถ้าหากธุรกิจที่ให้บริการด้านสินทรัพย์ดิจิทัลมีการเก็บทรัพย์สินของลุกค้าไว้ในปริมาณมาก ต้องนำไปฝากไปกับบุคคลที่สามที่เป็นคัสโตเดียน เพื่อลดความเสี่ยง ก่อนหน้านี้ส่วนใหญ่คือ การนำไปฝากไว้กับผู้ให้บริการในต่างประเทศ แต่ด้วยสถานการณ์ความไม่แน่นอนที่เกิดขึ้น จึงเห็นสมควรว่าควรมีผู้ให้บริการในประเทศไทย

แต่ก่อนหน้านี้ยังไม่มีธุรกิจใดที่ทำหน้าที่ตรงนี้ได้ เราจึงมองว่าส่วนใหญ่เป็นธนาคารพาณิชย์ ซึ่งเป็นสถาบันการเงินที่เขามีฐานะมั่นคง แต่ด้วยเกณฑ์ที่กำหนดไว้ก่อนหน้านี้ ทางคณะกรรมการ ก.ล.ต. มองว่าอาจจะมี Conflict of Interest ของธนาคาร ที่มีบริษัทลูกประกอบธุรกิจเช่นกัน ดังนั้นบอร์ดเล็งเห็นว่าโดยหลักการต้องการให้มีคัสโตเดียนในเมืองไทยมากกว่า จึงปรับเกณฑ์ให้มีความยืนหยุ่นขึ้น เพื่อให้กลุ่มธนาคารสามารถให้บริการกับบริษัทลูกของตัวเองได้ด้วยเช่นกัน

ด้าน ดร.นภนวลพรรณ ภวสันต์ ผู้อำนวยการ ฝ่ายส่งเสริมเทคโนโลยีทางการเงิน กล่าวเสริมว่า จากเดิมที่มีเกณฑ์ว่าไม่ให้บริษัทที่มีผู้ถือหุ้นรายใหญ่ในเครือเดียวกัน เป็นคัสโตเดียนให้กันได้ แต่ตอนนี้ที่เราเห็นสถานการณ์ว่ายังไม่มีคัสโตเดียนในเมืองไทยแล้วไปฝากต่างประเทศ และด้วยสถานการณ์หลายๆ อย่างที่เกิดขึ้น จึงต้องการให้ฝากไว้ในไทยมากกว่า เพราะว่ามีกฎหมายที่เป็นมาตรา 31 ที่จะมีการปกป้องประชาชน หากเกิดการล้มละลายหรือปิดกิจการเกิดขึ้น เราจึงปลดล็อกเกณฑ์ดังกล่าวให้ เพียงแต่ต้องในเครือเดียวกัน เพียงแต่ว่าต้องมีคุณสมบัติ โดยมีประสบการณ์ในการเก็บรักษาทรัพย์สินลูกค้า โดยต้องมีกลไกต่างๆ ที่จะสามารถดูแลเรื่องนี้ได้

นอกจากนี้ คณะกรรมการ ก.ล.ต. ยังเห็นชอบให้ทบทวนหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการระดมทุนผ่านการเสนอขายโทเคนดิจิทัลเพื่อการลงทุน (investment token) เพื่อให้สอดคล้องกับระดับความเสี่ยงของผลิตภัณฑ์ และการทบทวนหลักเกณฑ์ด้านความน่าเชื่อถือของผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล รวมทั้งการกำหนดให้ผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลต้องขอความเห็นชอบการประกอบธุรกิจอื่นจากสำนักงาน ก.ล.ต. เพื่อให้สามารถติดตามการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

พร้อมกันนี้ คณะกรรมการ ก.ล.ต. ได้ให้นโยบายที่จะให้ผู้ประกอบธุรกิจหลักทรัพย์สามารถให้บริการโทเคนดิจิทัลเพื่อการลงทุน และโทเคนดิจิทัลเพื่อการใช้ประโยชน์ที่มีลักษณะไม่พร้อมใช้ (utility token ไม่พร้อมใช้) ได้ เนื่องจากมีลักษณะและความเสี่ยงใกล้เคียงกับหลักทรัพย์ ขณะที่คริปโตเคอร์เรนซีและโทเคนดิจิทัลเพื่อการใช้ประโยชน์ที่มีลักษณะพร้อมใช้ (utility token พร้อมใช้) มีความเสี่ยงสูง จึงมีนโยบายในการกำหนดการลงทุนโดยกองทุนรวม เพื่อผู้ลงทุนรายย่อยให้สอดคล้องกับความเสี่ยงยิ่งขึ้นอีกด้วย อย่างไรก็ดี ในกรณีที่ผู้ประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ประสงค์จะให้บริการเกี่ยวกับคริปโตเคอร์เรนซี และ utility token พร้อมใช้ ต้องแยกนิติบุคคลในการให้บริการ เพื่อลดความเสี่ยงที่อาจกระทบต่อทรัพย์สินของลูกค้าและธุรกิจหลักทรัพย์ ซึ่ง สำนักงาน ก.ล.ต. อยู่ในระหว่างศึกษาข้อมูลในรายละเอียดเพิ่มเติม


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
กองบรรณาธิการไทยรัฐออนไลน์