บิตคอยน์สดใสรับต้นปี นักวิเคราะห์มองต้องทะลุ 2.2 หมื่นดอลลาร์ ถึงจะเป็น Bull run

ปี 2022 ที่ผ่านมานับว่าเป็นปีที่หนักสำหรับหลายๆ สินทรัพย์เสี่ยงเนื่องจากนโยบายการเงินที่ดุดันจากทางประเทศสหรัฐอเมริกา แต่นอกจากสถานการณ์ด้านเศรษฐศาสตร์มหภาคแล้วภายในตลาดคริปโตฯ เองก็มีวิกฤติเกิดขึ้นหลายวิกฤติด้วย ตัวอย่างเช่น Terra, 3 Arrows Capital, Celcius และล่าสุดคือ FTX ที่เป็นอดีต Exchange อันดับที่ 2 ของโลก ซึ่งเหตุการณ์เหล่านี้ก็ได้ซ้ำเติมตลาดคริปโตฯ ไปไม่ใช่น้อย

แต่สิ่งที่ได้เห็นกันมาตลอดปี 2022 ดังกล่าวนี้นั้นเป็นเพียงวิกฤติที่เกิดจากผู้เล่นรายใหญ่ที่ Leverage มากเกินไปจนล้มละลาย หรือบางรายก็เป็นการฉ้อโกงลูกค้า ซึ่งไม่ได้เกี่ยวกับพื้นฐานของบิตคอยน์เลยแม้แต่น้อย ระบบของบิตคอยน์ยังทำงานเหมือนเดิมเป็นปกติดี ประมวลผลและบันทึกธุรกรรมทุกประมาณ 10 นาที และไม่มีใครเปลี่ยนแปลงนโยบายทางเงินของบิตคอยน์ได้

ขณะที่สัญญาณทางเทคนิคของบิตคอยน์นั้น นักวิเคราะห์ทางเทคนิค บริษัท เมอร์เคิล แคปปิตอล จำกัด มองว่า สัญญาณทางด้าน Technical ใน TF Week ที่ RSI ผ่านเข้าสู่จุด Oversold ในช่วงกลางปี 2022 และค่อยๆ ไต่ขึ้นมาเรื่อยๆ โดยหากพิจารณาจากสถิติย้อนหลังแล้ว ช่วงที่ RSI ใน TF Week เข้าสู่จุด Oversold ก็มักจะเป็นช่วงที่ราคาอยู่แถวบริเวณจุดต่ำสุดของรอบนั้นๆ

ทั้งนี้ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาหลังราคาบิตคอยน์แน่นิ่งมานาน ปรับตัวขึ้นรวดเดียว ถ้านับจากจุดต่ำสุดบริเวณ 15,500 ดอลลาร์สหรัฐ ปรับตัวขึ้นมากกว่า 39% แล้ว คาดการณ์แนวโน้มระยะสั้นและระยะกลาง ยังมีโอกาสที่สามารถขึ้นต่อไปได้อีก จากการที่ตลาดเริ่มคลายกังวล

จากกราฟจะสังเกตได้ว่า หลังบิตคอยต์ได้รับผลกระทบจากการล้มละลายของ FTX เมื่อช่วงเดือนพฤศจิกายน 2022 ที่ผ่านมา ตั้งแต่เปิดปี 2023 มีแรงซื้อกลับมาที่บริเวณเดิมก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว

นอกจากนี้ยังได้แรงหนุนจากเงินเฟ้อสหรัฐฯ ที่เริ่มลดลงอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้การลงทุนบิตคอยน์ รวมถึงสินทรัพย์ดิจิทัลอื่นๆ ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2023 นี้สดใสเลยทีเดียว แต่นักลงทุนอาจต้องระวังแนวต้านบริเวณ 22,000 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นเส้นดาวเทรนด์ขาลงที่เป็นจุดชี้เป็นชี้ตายในการรีบาร์วรอบนี้ของบิตคอยน์ว่าจะเป็น Bull Run หรือ Bull Trap

การที่จะเป็น Bull run ได้ บิตคอยน์ต้องสามารถผ่านแนวต้าน 22,000 ดอลลาร์สหรัฐไปได้ และราคาต่อจากนี้ต้องไม่ลงไปต่ำกว่า 15,500 ดอลลาร์สหรัฐ จึงจะถือว่าเป็นการจบรอบตลาดขาลง และรอต้อนรับขาขึ้นรอบใหม่ที่อาจได้รับอานิสงส์จากบิตคอยน์ฮาล์ฟวิ่งที่จะเกิดขึ้นในปีหน้า โดยมีกรอบในการสะสมบริเวณ 17,500-20,000 ดอลลาร์สหรัฐ (กรอบสีเหลือง) เป็นโซนราคาที่ดีในการสะสมเพื่อลงทุนทั้งระยะสั้นและระยะยาว

พร้อมกันนี้จากการที่ RSI ปรับขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่ราคากลับลงสวนทางนั้น แสดงให้เห็นถึงสัญญาณกลับตัวที่เรียกว่า Bullish Divergence ซึ่งก็เป็นอีกหนึ่งตัวบ่งชี้ยอดนิยมที่ใช้ในการพิจารณาสัญญาณการกลับตัว

และเมื่อนำมาพิจารณากับเหตุการณ์บิตคอยน์ฮาฟวิ่งแล้ว จุดต่ำสุดของรอบมักจะอยู่ในช่วงประมาณปีที่ 3 หลังจากการ ฮาล์ฟวิ่งในรอบก่อนหน้า ซึ่งในปัจจุบันก็ได้เข้าสู่ช่วงดังกล่าวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทำให้อาจเป็นไปได้สูงว่าน่าจะผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว และกำลังกลับตัวขึ้นไปในช่วงปี 2023 นี้

แต่อย่างไรก็ตามความเคลื่อนไหวของเศรษฐกิจระดับมหภาคยังคงเป็นปัจจัยที่ต้องจับตา เพราะถ้าแนวโน้มเป็นไปแบบเดียวกับช่วงปี 1970 ที่หากเงินเฟ้อเริ่มทรงตัว ตลาดสินทรัพย์เสี่ยงน่าจะมีการกลับตัว แต่ถ้าเงินเฟ้อกลับมาพุ่งอีกครั้งก็อาจทำให้ตลาด Panic และปรับตัวลดลงอย่างหนักได้ แต่อาจไม่ถึงขั้นทำจุดต่ำสุดใหม่ หรืออาจต่ำกว่าเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

ทำให้โซนราคาของบิตคอยน์ในปัจจุบันเป็นโซนที่ดีในการพิจารณาเข้าซื้อ ประกอบกับในช่วงนี้ที่เงินบาทกลับมาแข็งค่า ทำให้ตอนนี้เมื่อเทียบราคาบิตคอยน์ที่ปรับตัวขึ้นมาแถว 21,000 ดอลลาร์นั้น หากเทียบเป็นค่าเงินบาทแล้วยังถูกกว่าราคาบิตคอยน์ที่ 19,000 ดอลลาร์เมื่อ 3 เดือนก่อนเสียอีก ดังนั้นในช่วงนี้ยังถือเป็นจุดได้เปรียบ แม้ว่าราคาจะขึ้นมาจากจุดต่ำสุดแล้วกว่า 30%

วิเคราะห์สัญญาณทางเทคนิคโดย อภินัทธ์ เดชดอนบม Research Analyst และ วิศรุจ โภชนา Fund Manager บริษัท เมอร์เคิล แคปปิตอล จำกัด บริษัทจัดการเงินทุนสินทรัพย์ดิจิทัล ในกลุ่ม Cryptomind Group ซึ่งได้รับใบอนุญาตจากสำนักงาน ก.ล.ต. เป็นที่เรียบร้อยแล้ว