คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (SCI-TU) เปิดผลการศึกษาสถานการณ์ ขยะอาหาร (Food Waste) ในประเทศไทย ส่อเข้าขั้นวิกฤติ และเริ่มส่งผลกระทบกับสิ่งแวดล้อม โดยพบว่า 2 สาเหตุหลัก คือ การบริโภคไม่หมดจนต้องทิ้ง และ การสูญเสียอาหารจากกระบวนการผลิตอาหารที่คุณภาพไม่ตามมาตรฐานที่กำหนด ซึ่งมีสัดส่วนถึง 30%
อาจารย์ ดร.รชา เทพษร อาจารย์ประจำสาขาวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการอาหาร คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (SCI-TU) หรือคณะวิทย์ มธ. ให้มุมมองว่า Food Waste ของไทย ปี 2565 อยู่ที่ 17 ล้านตัน นับเป็นตัวเลขอาจขยับสูงขึ้นจนน่าเป็นห่วง
แม้ความนิยมอาหารไทยที่เพิ่มขึ้นซึ่งสะท้อนจากการจัดอันดับอาหารอร่อยจากหลายเวทีที่ยกให้อาหารไทยหลายเมนูติดอันดับในเมนูยอดนิยม จะส่งผลดีต่อภาพรวมของธุรกิจอาหาร ตั้งแต่สตรีทฟู้ดไปจนถึงระดับอุตสาหกรรม แต่ปัญหาที่ตามมาคือ ขยะอาหารที่เพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัว ดังนั้น Food Waste เป็นเรื่องที่เกี่ยวพันทั้งระบบห่วงโซ่อาหาร ทั้งผู้ผลิตและผู้บริโภค ซึ่งทั้งหมดต้องตระหนักถึงความรับผิดชอบต่อเรื่องนี้ร่วมกัน
ข้อแนะนำ สำหรับผู้ผลิต ต้องหาแนวทางแก้ไขเพื่อลดการสูญเสีย เช่น การมีระบบการผลิตที่ดีมีคุณภาพที่ช่วยลดการสูญเสียอาหาร และสำหรับผู้บริโภคที่มีพฤติกรรมการนำอาหารมากักตุนไว้จำนวนมาก ต้องใส่ใจข้อมูลการนำเสนอของผู้ผลิตมากขึ้น เช่น ดูวันหมดอายุ และวางแผนการบริโภค เลือกซื้ออาหารที่มีระยะเวลาก่อนหมดอายุที่เหมาะสมกับแผนการบริโภค โดยเฉพาะ ธุรกิจบุฟเฟต์ ท่ีสร้างความเคยชินกับพฤติกรรมที่ทำให้เกิดขยะอาหาร จากการเตรียมอาหารปริมาณมากเพื่อดึงดูดลูกค้า แต่มากเกินความต้องการ และเหลือทิ้งในที่สุด
“นอกจากนี้การเข้าถึงโอกาสของ Future Trend ด้านอาหาร ก็กำลังเป็นแนวทางอาชีพที่กำลังเป็นเทรนด์ขาขึ้น ตอบโจทย์ยุคที่ประชากรโลกต้องการเข้าถึงความมั่นคงทางอาหาร และการจัดการของเหลือจากอาหารได้อย่างยั่งยืนด้วยเช่นกัน”
กรณีศึกษาเกี่ยวกับ Food Waste ในต่างประเทศ เช่น ฝรั่งเศสมีกฎหมายการจัดการอาหารส่วนเกินจากกระบวนการการค้าปลีก มีมาตรการกฎหมายสร้างแรงจูงใจทางภาษี เช่น ลดภาษีถ้าผู้ผลิตสามารถลดปริมาณ Food Waste ญี่ปุ่นมีการสร้างสรรค์เมนูอาหารด้วยหลัก ‘ครีเอทีฟเมนู’ นำของเหลือในตู้เย็นหรืออาหารที่ทานไม่หมด จนเป็นเกิดกระแสและแบ่งปันวิธีการที่น่าสนใจอย่างแพร่หลาย สิงคโปร์มีแนวคิดการนำ ‘อาหารป้ายเหลือง’ ไปแจกในชุมชนที่อยู่อาศัย ช่วยให้ผู้คนเข้าถึงวัตถุดิบที่ตกมาตรฐานร้านค้าพรีเมียม เป็นต้น