ส่องวิธีทำเงิน แม้กำลังนอนหลับ แบบ “วอร์เรน บัฟเฟตต์”

Personal Finance

Wealth Management

กองบรรณาธิการ

Author

กองบรรณาธิการ

Tag

ส่องวิธีทำเงิน แม้กำลังนอนหลับ แบบ “วอร์เรน บัฟเฟตต์”

Date Time: 30 ส.ค. 2567 17:28 น.

Video

สาเหตุที่ทำให้ Intel อดีตยักษ์ใหญ่ชิปโลก ล้าหลังยุค AI | Digital Frontiers

Summary

  • ในโอกาสครบรอบวันเกิด 94 ปี ของ วอร์เรน บัฟเฟตต์ “Thairath Money” พาส่อง 5 วิธีในการ “ให้เงินทำงาน” เพื่อช่วยสร้างรายได้ อิสรภาพทางการเงิน และสร้างความมั่งคั่งในระยะยาว

Latest


“If you don't find a way to make money while you sleep, you will work until you die.” 

(ถ้าคุณไม่สามารถหาทางที่ทำเงินได้ในระหว่างที่คุณหลับ คุณก็จะต้องทำงานไปถึงวันที่คุณตาย)


คำพูดสุดโด่งดัง ที่ถูกกล่าวโดย วอร์เรน บัฟเฟตต์ (Warren Buffett) มหาเศรษฐีระดับโลก วัย 94 ปี ซึ่งเน้นย้ำถึงความสำคัญของการหาวิธีสร้างรายได้แบบพาสซีฟ (passive income) และแนวทางการสร้างรายได้ต่อเนื่อง


ดังนั้น “การลงทุน” จึงเป็นสิ่งที่สำคัญ แม้ว่าการลงทุนจะมีความเสี่ยง แต่การไม่ลงทุนเลยอาจเป็นเรื่องที่เสี่ยงกว่า ในโอกาสครบรอบวันเกิดของ วอร์เรน บัฟเฟตต์ วันที่ 30 สิงหาคมนี้ “Thairath Money” รวบรวมวิธี “ให้เงินทำงาน” แม้เราจะกำลังนอนหลับ  เพื่อสร้างความมั่งคั่ง และทำให้มี #การเงินดีชีวิตดี ในระยะยาวแบบ วอร์เรน บัฟเฟตต์ ดังนี้


“วอร์เรน บัฟเฟตต์” เป็นที่รู้จักกันดีในฐานะนักลงทุนระยะยาว ที่ลงทุนในหุ้นของบริษัทที่มีพื้นฐานแข็งแกร่ง และมีศักยภาพการเติบโตสูง โดยเน้นการลงทุนเชิงคุณค่า หรือ “Value Investing” มากกว่าการลงทุนเพื่อหวังผลตอบแทนจากราคาหุ้น โดยใช้กลยุทธ์ในการเลือกซื้อหุ้นที่มีมูลค่าต่ำกว่าความจริง ซึ่งต้องอาศัยการศึกษางบการเงิน และการคาดการณ์ทิศทางในอนาคต


ทั้งนี้ วอร์เรน บัฟเฟตต์ ยังเป็นเจ้าของบริษัท เบิร์กเชียร์ ฮาธาเวย์ (Berkshire Hathaway) กลุ่มธุรกิจโฮลดิ้งขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นธุรกิจที่มีการถือหุ้นในบริษัทย่อย และลงทุนในหุ้นของบริษัทอื่นๆ ในภาคธุรกิจที่สำคัญ โดยเฉพาะบริษัทที่มีศักยภาพในการสร้างกำไรสูงและมีชื่อเสียง เช่น Coca-Cola, Apple, และ American Express เป็นต้น


ก่อนหน้านี้ บริษัท เบิร์กเชียร์ ฮาธาเวย์ เริ่มต้นจากธุรกิจสิ่งทอ ซึ่งต่อมาบริษัทได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ ทำให้ในปี ค.ศ. 1962 วอร์เรน บัฟเฟตต์ ตัดสินใจเข้าซื้อหุ้นของบริษัท เพราะเห็นว่าราคาหุ้นต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริง และเริ่มสะสมหุ้นเรื่อยๆ


จนกระทั่ง วอร์เรน บัฟเฟตต์ ได้กลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ และใช้บริษัทเป็นเครื่องมือในการลงทุนในธุรกิจต่างๆ  อย่างต่อเนื่อง จนกลายเป็น "Holding Company" หรือ บริษัทที่ลงทุนในบริษัทและธุรกิจอื่นๆ ยักษ์ใหญ่มาจนถึงทุกวันนี้


ล่าสุด สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานการปรับพอร์ตหุ้นครั้งใหญ่ ของ เบิร์กเชียร์ ฮาธาเวย์ ในวันที่ 14 สิงหาคมที่ผ่านมา โดยระบุว่า มีการขายหุ้น Apple ออกไปกว่า 389 ล้านหุ้น และยังคงเหลือในพอร์ตอีก 400 ล้านหุ้น พร้อมลดน้ำหนักการลงทุนในหุ้นหลายตัว อาทิ Bank of America, Chevron เป็นต้น


ขณะเดียวกัน ยังระบุว่า เบิร์กเชียร์ ฮาธาเวย์ มีการเข้าลงทุนใน 2 หุ้นใหม่ ที่เพิ่มเข้ามาในพอร์ต อย่าง Ulta Beauty บริษัทค้าปลีกเครื่องสำอางรายใหญ่ และ Heico บริษัทผลิตชิ้นส่วนอากาศยานด้วย


อย่างไรก็ตาม นักลงทุนสามารถนำกลยุทธ์ของ วอร์เรน บัฟเฟต์ ไปปรับใช้ เพื่อให้เงินทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ทั้งการลงทุนในบริษัทที่มีพื้นฐานแข็งแกร่ง ลงทุนเชิงคุณค่า และการระยะยาว รวมถึงแนวทางการเข้าลงทุนในบริษัทที่มีราคาหุ้นต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริง เพื่อสร้างความมั่งคั่งและทำให้มี #การเงินดีชีวิตดี ในอนาคต

 

อ่านข่าวการลงทุน กับ Thairath Money ได้ที่

ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
กองบรรณาธิการไทยรัฐออนไลน์