ออมเงินวันละ 20 บาท ก็มีเงินแสนได้ ด้วยพลังของ “ดอกเบี้ยทบต้น”

Personal Finance

Wealth Management

กองบรรณาธิการ

Author

กองบรรณาธิการ

Tag

ออมเงินวันละ 20 บาท ก็มีเงินแสนได้ ด้วยพลังของ “ดอกเบี้ยทบต้น”

Date Time: 5 ก.ค. 2567 09:10 น.

Video

“The Summer Coffee Company” มากกว่า เครื่องดื่ม คือ ความสุข | Brand Story Exclusive EP.3

Summary

  • ดอกเบี้ยทบต้น (compound interest) สามารถเพิ่มพูนเงินลงทุนและเงินออมได้อย่างมากในระยะยาว แต่ก็ยังเป็นดาบสองคมที่สามารถทำให้ภาระหนี้สินเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเช่นเดียวกัน การจะให้เห็นพลังของดอกเบี้ยทบต้นจะต้องใช้ระยะเวลาที่นาน ดังนั้นนักลงทุนควรวางแผนการเงินให้ดีในการลงทุน

Latest


เมื่อพูดถึงการลงทุน แน่นอนว่านักลงทุนก็คงต้องการกำไรจากการลงทุน ไม่ได้อยากจะขาดทุน ซึ่งกำไรจากการลงทุน หรือผลตอบแทนที่จะได้ก็มีหลายรูปแบบ เช่น กำไรจากการขาย (Capital Gains), เงินปันผล (Dividends), ค่าเช่า (Rental Income), กำไรจากธุรกิจ (Business Profits), ผลตอบแทนจากการแลกเปลี่ยนเงินตรา (Forex Gains) และดอกเบี้ย (Interest) หนึ่งในผลตอบแทนที่จะทำให้เราๆ มีโอกาสสร้างเงินจำนวนมากได้ในระยะยาว คงหนีไม่พ้นคำว่า “ดอกเบี้ย” โดยใช้พลังของ “ดอกเบี้ยทบต้น”

ดอกเบี้ยทบต้น คืออะไร?

ดอกเบี้ยทบต้น (compound interest) เป็นหนึ่งในกลไกที่ทรงพลังที่สุดในการเพิ่มพูนเงินลงทุนและเงินออม หรือในทางกลับกัน หลายๆ คนก็คงได้สัมผัสกับพลังของดอกเบี้ยทบต้นจากการเป็นหนี้บ้านหรือหนี้รถ จากตอนแรกราคาบ้าน 5 ล้านบาท พอใช้ระยะเวลาผ่อนนาน หากคำนวณเป็นจำนวนเงินที่เราชำระไปทั้งหมดอาจจะจ่ายไปเกือบถึง 10 ล้านเลยก็ได้ เพราะฉะนั้นเราควรรู้จัก “พลังของดอกเบี้ยทบต้น” ทั้งประโยชน์และความน่ากลัวของมัน เพื่อนำไปใช้ให้เงินของเราเพิ่มพูนขึ้น

หากอธิบายให้เข้าใจหลักการของดอกเบี้ยทบต้นง่ายๆ คือ กระบวนการที่ดอกเบี้ยที่ได้รับในแต่ละช่วงเวลาจะถูกเพิ่มเข้าไปในยอดเงินต้น ทำให้ยอดเงินต้นเพิ่มขึ้นและดอกเบี้ยในรอบถัดไปจะถูกคำนวณจากยอดเงินที่เพิ่มขึ้น ผลลัพธ์คือการเติบโตของเงินลงทุนที่รวดเร็วและเพิ่มพูนขึ้นอย่างต่อเนื่องตามกาลเวลา

รวยได้ด้วยพลังของ “ดอกเบี้ยทบต้น”

การเติบโตของเงินลงทุนด้วยดอกเบี้ยทบต้นเป็นประโยชน์ที่ชัดเจน ตัวอย่างเช่น หากคุณลงทุน 1,000 บาทที่อัตราดอกเบี้ย 5% ต่อปี หลังจากปีแรกคุณจะได้ดอกเบี้ย 50 บาท ทำให้ยอดเงินเป็น 1,050 บาท ในปีที่สอง ดอกเบี้ยจะถูกคำนวณจากยอดเงิน 1,050 บาท ทำให้ได้ดอกเบี้ยมากขึ้นเป็น 52.50 บาท ยอดเงินทั้งหมดจะกลายเป็น 1,102.50 บาท และกระบวนการนี้จะดำเนินต่อไปเรื่อยๆ การเห็นเงินเติบโตจากการทบต้นช่วยให้ผู้ลงทุนมีแรงจูงใจในการออมและลงทุนต่อไป สำหรับผู้ที่ต้องการสะสมเงินออมเพื่อเป้าหมายในอนาคต เช่น การเกษียณอายุหรือการศึกษาของลูก ดอกเบี้ยทบต้นเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพอย่างยิ่ง

นักลงทุนมือใหม่ก็สามารถเก็บเงินแสนได้ด้วยการออมเพียงวันละ 20 บาท การออมเงินเพียงเล็กน้อยทุกเดือนหรือทุกวัน สามารถทำให้มีเงินเก็บสะสมได้มากขึ้น ตัวอย่างเช่น การออมเพียงวันละ 20 บาทต่อวัน จะได้ 600 บาทต่อเดือน เราก็จะมีเงินเก็บ 7,200 บาทในปีแรก และถ้าเราฝากวันละ 20 บาทไปเรื่อยๆ และได้รับดอกเบี้ย 2% ต่อปี เราจะมีเงินเก็บ 100,000 กว่าบาทในระยะเวลา 13 ปี แล้วถ้าคุณเปลี่ยนเป็นเก็บเงินวันละ 40 บาททุกอย่างเหมือนเดิม ก็จะใช้เวลาเก็บเงินแสนเหลืองเพียง 7 ปี ซึ่งเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนแสดงให้เห็นถึงพลังของดอกเบี้ยทบต้นที่สร้างผลตอบแทนได้อย่างมากในระยะยาว

ความน่ากลัวของพลัง “ดอกเบี้ยทบต้น”

แต่ดอกเบี้ยทบต้นไม่ได้มีเพียงข้อดีเท่านั้น มันยังมีข้อเสียที่นักลงทุนต้องระวังด้วย ดอกเบี้ยทบต้นสามารถทำให้ภาระหนี้สินเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในกรณีของการกู้ยืมเงิน ตัวอย่างเช่น หากคุณมีหนี้บัตรเครดิต 10,000 บาท ที่อัตราดอกเบี้ย 20% ต่อปี และคุณไม่จ่ายเงินเต็มจำนวนทุกเดือน หลังจากปีแรก ยอดหนี้จะเพิ่มขึ้นเป็น 12,000 บาท และถ้าคุณยังไม่สามารถจ่ายได้ ยอดหนี้จะเพิ่มขึ้นเป็น 14,400 บาทในปีถัดไป และเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทำให้หนี้สินกลายเป็นภาระที่ยากจะจัดการ

บทสรุปของ “ดาบสองคม”

จะเห็นได้ว่า ดอกเบี้ยทบต้นสามารถทำให้นักลงทุนมีความเสี่ยงมากขึ้น เพราะเห็นผลลัพธ์ที่เติบโตเร็ว นักลงทุนอาจตัดสินใจลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงเพื่อหวังผลตอบแทนที่มากขึ้น เช่น การลงทุนในหุ้นที่มีความผันผวนสูงหรือสกุลเงินดิจิทัล ซึ่งอาจนำไปสู่การสูญเสียเงินลงทุนในกรณีที่ตลาดไม่เป็นไปตามคาด การพึ่งพาดอกเบี้ยทบต้นอย่างเดียวอาจทำให้ผู้ลงทุนละเลยการวางแผนการเงินที่ครอบคลุม ซึ่งการจัดการความเสี่ยงและการบริหารจัดการพอร์ตการลงทุน (financial management) เป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม


สูตรการคำนวณดอกเบี้ยทบต้น

กรณีฝากเงินแค่ครั้งเดียว

เงินที่จะได้ = เงินฝาก * (1+อัตราดอกเบี้ย)^จำนวนปีที่ฝาก

กรณีฝากเงินเท่ากันทุกปี

เงินที่จะได้ = เงินฝากประจำ * [(1+อัตราดอกเบี้ย)^จำนวนปีที่ฝาก - 1] / อัตราดอกเบี้ย

*หมายเหตุ: อัตราดอกเบี้ยต้องหารด้วย 100 ก่อน


ยกตัวอย่าง

กรณีฝากเงินแค่ครั้งเดียว

ฝากเงิน 10,000 บาทไว้ในธนาคาร ได้ดอกเบี้ย 1% เป็นเวลา 10 ปี

เงินที่จะได้ = 10,000 * (1+0.01)^10 = 11,046.22 บาท

กรณีฝากเงินเท่ากันทุกปี

ฝากเงินปีละ 1,000 บาทไว้ในธนาคาร ได้ดอกเบี้ย 1% เป็นเวลา 10 ปี

เงินที่จะได้ = 1,000 * [(1+0.01)^10 - 1] / 0.01 = 10,462.21 บาท


ดังนั้น ดอกเบี้ยทบต้นจึงเป็นเครื่องมือที่มีพลังมากในการเพิ่มพูนเงินลงทุนและเงินออม แต่ในขณะเดียวกันมันก็เป็นดาบสองคมที่สามารถเพิ่มภาระหนี้สินและความเสี่ยงในการลงทุนได้เช่นกัน การใช้ดอกเบี้ยทบต้นอย่างมีสติและการวางแผนการเงินอย่างรอบคอบ จึงเป็นสิ่งสำคัญที่นักลงทุนควรคำนึงถึง เพื่อให้การลงทุนเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย

อ่านข่าวการลงทุน กับ Thairath Money ได้ที่

ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
กองบรรณาธิการไทยรัฐออนไลน์