หลังจากที่ “รู้ใจ” เข้าซื้อกิจการ บริษัท เอฟดับบลิวดีประกันภัย จำกัด (มหาชน) ก็ทำให้รู้ใจมีส่วนแบ่งในตลาดในประเทศไทยเพิ่มมากขึ้น ด้วยเบี้ยประกันรายปีรวมกันกว่า 50 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 1,740 ล้านบาท และก้าวขึ้นเป็นบริษัทประกันภัยดิจิทัลเต็มรูปแบบ พร้อมใบอนุญาตผู้รับประกันวินาศภัย
มาในครั้งนี้ “รู้ใจ กรุ๊ป” ผู้นำด้านอินชัวร์เทคธุรกิจ B2C ในประเทศไทย โชว์ความสำเร็จปีงบประมาณ 2566 (เมษายน 2565-มีนาคม 2566) ทำเบี้ยประกันรายปีกว่า 1,300 ล้านบาท พร้อมได้รับการสนับสนุนจากรอบลงทุน Series B มูลค่า 42 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เผยเข้าซื้อกิจการบริษัท เอฟดับบลิวดีประกันภัย จำกัด มหาชน (FWDGI) เสร็จสมบูรณ์
ทั้งนี้ในปีงบประมาณ 2566 เบี้ยประกันภัยของรู้ใจเพิ่มขึ้นถึง 20% และมีจำนวนลูกค้าเพิ่มขึ้นถึง 15% แม้ว่าจะมีการเรียกร้องสินไหมเพิ่มขึ้น แต่รู้ใจก็ยังคงรักษาความพึงพอใจของลูกค้าได้เป็นอย่างดี ด้วยการบริการที่เน้นความต้องการของลูกค้าเป็นหลัก
นิโคลัส ฟาร์เกต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ร่วมก่อตั้งรู้ใจกรุ๊ป กล่าวว่า "นับตั้งแต่การก่อตั้งในปี 2559 รู้ใจได้แสดงให้เห็นถึงอัตลักษณ์การเติบโตมาโดยตลอด เป้าหมายของธุรกิจของเราคือการพัฒนาผลิตภัณฑ์ และการสร้างประสบการณ์มิติใหม่ให้กับลูกค้าในราคาที่เข้าถึงได้ ด้วยฐานลูกค้าที่เติบโตอย่างต่อเนื่องในประเทศไทย เรามุ่งมั่นที่จะนำเสนอบริการและทางเลือกที่หลากหลายแก่ลูกค้าเพื่อตอบสนองความต้องการของพวกเขา และนำนวัตกรรมมาเสริมสร้างความพึงพอใจอย่างต่อเนื่องเพื่อให้ลูกค้าได้รับสิ่งที่ดีที่สุด”
ซึ่งในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา รู้ใจประสบความสำเร็จในการระดมทุนรอบ Series B ด้วยมูลค่า 42 ล้านดอลลาร์หรือกว่า 1,509 ล้านบาท นำโดย เอชดีไอ อินเตอร์เนชั่นแนล (HDI International) บริษัทประกันภัยระหว่างประเทศในเครือ ทาแลงซ์ กรุ๊ป จากเยอรมนี (German Talanx Group) ที่เป็นอันดับ 3 ของเยอรมัน จำนวนเงินทุนกว่า 35 ล้านบาทดอลลาร์ นอกจากนี้ ยังได้รับการสนับสนุนเงินทุนเพิ่มเติมจำนวนเงินทุนกว่า 7 ล้านบาทดอลลาร์ จากผู้ลงทุนเดิมอย่าง บรรษัทเงินทุนระหว่างประเทศ (International Finance Corporation: IFC) ที่อยู่ภายใต้เครือธนาคารโลก
ส่วนเงินทุนที่ได้รับมาสิ่งที่จะทำคือ การได้รับใบอนุญาตจาก สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) รวมทั้งการขยายกิจการเข้าสู่อินโดนีเซีย และสุดท้ายคือมองหาโอกาสในประเทศภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ไม่ว่าจะเป็นมาเลเซีย สิงคโปร์ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ ไต้หวัน เพื่อขยายและซื้อกิจการ
และล่าสุดคือ ความสำเร็จในการเข้าซื้อกิจการบริษัท เอฟดับบลิวดีประกันภัย จำกัด (มหาชน) ในเดือนกรกฎาคม 2566 ซึ่งทำให้รู้ใจก้าวขึ้นเป็นบริษัทประกันภัยดิจิทัลเต็มรูปแบบ และคอนโทรลตั้งแต่การจำหน่ายและสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ รวมไปถึงการให้ประกันกับลูกค้าด้วยตนเอง พร้อมเป็นผู้ถือใบอนุญาตในการรับประกันวินาศภัยทั่วไปและขยายช่องทางการจัดจำหน่ายเพิ่มเติมทั่วประเทศ ขณะเดียวกันภายในเดือนกันยายนนี้รู้ใจมีแผนที่จะรีแบรนด์ใหม่ที่เป็นรู้ใจประกันภัย ซึ่งอยู่ระหว่างการอนุมัติครั้งสุดท้ายจากคณะรัฐมนตรี
พร้อมทั้งในปี 2567 รู้ใจวางแผนที่จะขยายเครือข่ายเพื่อเพิ่มการเข้าถึงลูกค้าในพื้นที่ต่างจังหวัดให้มากขึ้น โดยคาดว่า 40% ของโอกาสทางธุรกิจในอนาคตจะมาจากตัวแทนและนายหน้าประกันภัย และอีก 60% จะยังเป็นการดำเนินการขายโดยตรงให้กับลูกค้า ทั้งนี้ลูกค้า 70% มาจากหัวเมืองจังหวัดใหญ่ๆ เช่น กรุงเทพฯ และบริเวณใกล้เคียง รวมทั้งเชียงใหม่ ภูเก็ต ชลบุรี และลูกค้าอีก 40% ยังรออยู่ ดังนั้นการขยายกิจการให้เป็นมากกว่าออนไลน์ก็จะสามารถเข้าถึงลูกค้ากลุ่มนี้ได้
โดยก้าวแรกในฐานะบริษัทประกันภัย รู้ใจเตรียมเปิดตัวผลิตภัณฑ์เดิมอีกครั้งในชื่อ Roojai Insurance ก่อนที่จะนำผลิตภัณฑ์ของเอฟดับบลิวดีประกันภัยมาพัฒนาเป็นกรมธรรม์ดิจิทัล ด้วยความสามารถในการนำเสนอผลิตภัณฑ์ของแบรนด์เองในอนาคต รู้ใจตั้งเป้าขยายธุรกิจออกเป็น 2 ประเภทหลัก ได้แก่ ประกันภัยทรัพย์สินและเบ็ดเตล็ด และประกันอุบัติเหตุ-สุขภาพ ซึ่งจะรวมถึงผลิตภัณฑ์ เช่น ประกันภัยสำหรับ SME, ประกันภัยการเดินทาง, ประกันภัยยานพาหนะ และประกันสุขภาพส่วนบุคคล ในอีก 2 ปีข้างหน้า
รวมทั้งรู้ใจยังได้ขยายขอบเขตธุรกิจไปยังอินโดนีเซีย ผ่านการร่วมมือกับ ซมโปะ อินโดนีเซีย (Sompo Indonesia) บริษัทประกันภัยชั้นนำ ผู้ให้บริการประกันภัยทั้งรถยนต์, ประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคล และประกันภัยโรคร้ายแรง
“ปัจจุบันรู้ใจยังถือไลเซนส์นายหน้าประกันภัย แต่ในวันที่ 1 มกราคม 2567 จะเริ่มมีผลิตภัณฑ์ที่เป็นของรู้ใจ และจะยังต้องอาศัยการเปลี่ยนผ่านซึ่งต้องใช้เวลา 1-2 ปี ที่จะนำไปสู่บริษัทประกันภัยอย่างเต็มรูปแบบเพราะด้วยมีความซับซ้อนพอสมควร รวมทั้งในปี 2567 ตั้งใจที่จะเป็น Top 10 ในเรื่องของการคุ้มครองประกันภัยรถยนต์ ยานพาหนะต่างๆ และอีก 5 ปี จะขึ้นเป็น Top 3 ซึ่งมองว่าภายในสิ้น 2566 ผลประกอบการจะเติบโต 40% โดยจะมาจากยานยนต์ และยานพาหนะ และจะมีอุบัติเหตุด้วยเช่นกัน โดยปัจจุบันรู้ใจมีฐานลูกค้าเป็นจำนวนกว่า 160,000 ราย”
ส่วนงบการตลาดอยู่ที่ 250 ล้านบาท หลักๆจะเป็นการสร้างการรับรู้ให้กับผลิตภัณฑ์ สร้างการจดจำต่อแบรนด์ และทำให้น้องจิงโจ้เป็นที่รู้จักในวงกว้าง
อย่างไรก็ตามบริษัทมีความสนใจที่จะระดมทุน IPO ด้วยเช่นกัน ซึ่งคาดว่าจะใช้ระยะเวลาประมาณ 5 ปี โดยจะต้องมีเบี้ยประกันปีละ 10,000 ล้านบาทเสียก่อน ซึ่งมองทั้งตลาดในไทย และหากบริษัทเติบโตได้ดีก็คาดว่าจะสามารถเข้าตลาดที่สิงคโปร์ หรือ สหรัฐฯ ก็อาจจะเป็นไปได้ ส่วนการเริ่มรับรู้กำไร นิโคลัส แย้มว่า 5 เดือนที่ผ่านมาบริษัทฯ มีกำไรเรียบร้อยแล้ว