นายสาระ ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เมืองไทยประกันชีวิต (MTL) ในฐานะนายกสมาคมประกันชีวิตไทย เปิดเผยว่า สำหรับปี 2566 นับเป็นปีที่ดี ในช่วง 5 เดือนแรกปี 66 (ม.ค.-พ.ค.) อุตสาหกรรมประกันชีวิตมีเบี้ยประกันภัยรับรวมอยู่ที่ 245,599 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเกือบ 4% เมื่อเทียบกับปีก่อน สูงกว่าที่สมาคมคาดการณ์ไว้ที่ 0-2% โดยมีเบี้ยรับรวม 5 เดือนโต 4-5%
โดยมีเบี้ยรับรายใหม่ อยู่ที่ 70,875 ล้านบาทเติบโตกว่า 7.9% และมีเบี้ยปีต่ออายุ 174,723 ล้านบาท เติบโต 1.98% โดยสินค้าประกันสุขภาพยังเป็นตัวชูโรง มีเบี้ยเติบโตกว่า 7-8% รองลงมาเป็นประกันชีวิตตลอดชีพ และประกันชีวิตคุ้มครองสินเชื่อที่กลับมาโต ในระดับหนึ่งตามการปล่อยสินเชื่อของธนาคารและสถาบันการเงิน
จึงนับว่าเป็นตัวเลขที่ค่อนข้างเติบโตกว่าที่ประมาณการไว้ ด้วยหลายเหตุผลอย่างมิติของกำลังซื้อ เงินเฟ้อที่ลดลง หรือการที่คนไทยตระหนักถึงประโยชน์ของประกันมากขึ้น โดยเฉพาะความคุ้มครองทางด้านสุขภาพ ซึ่งประกันชีวิตเมื่อซื้อแล้วก็จะซื้อความคุ้มครองสุขภาพมาตลอด จึงนับว่าเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยดึงความสนใจของผู้บริโภค
ขณะเดียวกันต้องยอมรับว่าความเข้าถึงด้านช่องทางหลักไม่ว่าจะเป็นตัวแทน หรือนายหน้าประกันชีวิต รวมถึงการใช้ดิจิทัลและเทคโนโลยีเข้ามาประยุกต์ใช้ ทำให้การเข้าถึงข้อมูลสะดวกมากยิ่งขึ้น จึงทำให้อัตราการเติบโตมากกว่าที่ประมาณการไว้
สำหรับปี 2566 สมาคมประกันชีวิตไทยคาดการณ์ว่าธุรกิจประกันชีวิตจะมีเบี้ยประกันภัยรับรวม 612,500-623,500 ล้านบาท มีอัตราความคงอยู่ของกรมธรรม์ ร้อยละ 81-82 ซึ่งการคาดการณ์ในครั้งนี้ก็ยังสอดคล้องกับการคาดการณ์ GDP ของประเทศที่มีการขยายตัว ร้อยละ 2.7-3.7 (ข้อมูลจากสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ด้วยอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจไทย ปี 2566)
ภาพรวมของเมืองไทยประกันชีวิต มีเบี้ยรับรวมอยู่ที่ 29,941 ล้านบาท เติบโต 14.4% โดยมีเบี้ยรับรายใหม่ อยู่ที่ 10,517 ล้านบาท เติบโตกว่า 13.8% และมีเบี้ยปีต่ออายุ 19,423 ล้านบาท เติบโตกว่า 14.8% ซึ่งถือว่าค่อนข้างเติบโตดีกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรมฯ แต่อย่างไรก็ตามยังคงต้องมอนิเตอร์แบบเดือนต่อเดือน สำหรับอัตราส่วนความเพียงพอของเงินกองทุนที่ต้องดำรงตามกฎหมายกำหนด (CAR ratio) ยังสูงกว่า 300% ซึ่งสะท้อนฐานะการเงินที่มีความมั่นคงและแข็งแรง..