ข้อมูลปัจจุบันพบว่าประเทศไทยมี "ผู้สูงอายุ" ราว 13 ล้านคน ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนมากถึง 20% ของประชากรทั้งประเทศ โดยภาคอีสานขึ้นแท่นมีประชากรสูงวัยมากที่สุด กว่า 4.2 ล้านคน รองลงมาคือ ภาคกลาง ภาคเหนือ และภาคใต้ ขณะที่กรุงเทพฯ แค่จังหวัดเดียวมีผู้สูงวัยล้นอยู่ที่ 1.3 ล้านคน
โดย 3 ความเสี่ยงที่มาพร้อมกับภาพคาดการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า (ปี 2572) ว่าไทยจะเป็น Super-Aged หรือสังคมที่มีประชากรอายุมากกว่า 65 ปี มากกว่า 20% นั่นคือ ...
เจาะความพร้อมของคนไทยภายใต้แนวโน้มอายุยืนขึ้น เช่นเดียวกับหลายชาติทั่วโลก โดยในปี 2593 คาดว่าอายุเฉลี่ยคนทั่วโลกอยู่ที่ 77 ปี ส่วนอายุเฉลี่ยคนไทยอยู่เกิน 80 ปี เท่ากับการเตรียมพร้อมด้านการเงินให้เพียงพอกับการใช้ชีวิตตลอดอายุขัยต้องเข้มข้นมากขึ้นด้วย
อย่างไรก็ตาม มีข้อมูลเชิงวิจัยประจักษ์ว่าคนไทยส่วนใหญ่ยังขาดความพร้อมในการเกษียณอายุ เมื่อพิจารณาความพร้อมของประชากรไทยจากดัชนีความพร้อมเพื่อการเกษียณ (NRRI) ที่พบว่า ในปีที่ผ่านมา ดัชนี NRRI ของประชากรไทยมีคะแนนเฉลี่ยในภาพรวมอยู่ที่ 49.30 เท่านั้น จากคะแนนเต็ม 100 ซึ่งปรับตัวลดลงอย่างมากจากช่วง 3 ปีก่อนหน้าที่มีคะแนนเฉลี่ยอยู่ที่ 56.70
ยิ่งไปกว่านั้น สถาบันวิจัยเศรษฐกิจป๋วย อึ๊งภากรณ์ ยังระบุว่าดัชนีย่อยที่สะท้อนความมั่นคงทางด้านการเงินในข้อดังกล่าว คนไทยก็มีความมั่นคงทางด้านการเงินอยู่ในระดับต่ำ เพียง 38.40 ดัชนี ลดลงจาก 48 คะแนนเช่นกัน สะท้อนให้เห็นว่าคนไทยมีความพร้อมต่อการเกษียณอายุลดลง
นอกจากนี้ ยังพบสัญญาณที่สะท้อนว่าคนไทยมีแนวโน้มที่จะวางแผนสำหรับเก็บออมเพื่อใช้ในยามชราน้อยลง จากการสำรวจพฤติกรรมทางการเงินของครัวเรือนไทยของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และสำนักงานสถิติแห่งชาติ เมื่อปี 2565 มีคนเพียง 16% ที่วางแผนเก็บออมเพื่อการเกษียณและสามารถทำได้ตามแผนที่ตั้งใจไว้ ในทางกลับกัน คนที่ยังไม่ได้คิดหรือวางแผนเก็บออมเพื่อเกษียณอายุเลยกลับมีสัดส่วนเพิ่มสูงขึ้นเป็น 19%
"กลุ่มคนที่เกษียณอายุแล้ว แต่ยังไม่สามารถเก็บออมได้ตามแผน สูงถึง 42–47% ขณะคนในวัยใกล้เกษียณ (ช่วงอายุ 51–60 ปี) รวมถึงคนที่เกษียณอายุแล้ว ที่ยังไม่ได้คิดวางแผนเก็บออมเพื่อยามชราภาพเลย ก็สูงถึง 15–21%"
นอกจากนี้ ยังพบอีกข้อกังวลที่ว่าคนไทยมีเงินออมเผื่อฉุกเฉินในระดับที่เหมาะสมมีจำนวนลดลง โดยคนที่มีเงินออมเผื่อฉุกเฉินตั้งแต่ 6 เดือนขึ้นไป มีสัดส่วนเพียง 22% ลดลงจาก 27% ในขณะที่จำนวนผู้มีเงินออมเผื่อฉุกเฉินที่สามารถอยู่ได้ไม่เกิน 3 เดือนกลับมีสัดส่วนปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องตลอดหลายปีที่ผ่านมา
"คนไทยส่วนใหญ่มักเลือกเก็บออมเงินเป็นเงินสดและเงินฝาก ขณะกลุ่มคนที่มีระดับทักษะทางการเงินสูงมีแนวโน้มที่จะเก็บออมในรูปแบบอื่นๆ เช่น หุ้น กองทุน พันธบัตร"
ทั้งนี้ อาจกล่าวสรุปได้ว่าคนไทยส่วนใหญ่ยังขาดความพร้อมในการเกษียณ คนมีการวางแผนเก็บออมเพื่อการเกษียณล่าช้า การจะอาศัยแต่เบี้ยคนชราจากรัฐเพื่อยังชีพในบั้นปลายชีวิตคงไม่เพียงพอ นับเป็นความท้าทายอย่างยิ่งในการรับมือกับสังคมสูงวัยในอนาคต
ดังนั้น การเตรียมความพร้อมให้ตนเองเพื่อการเกษียณอย่างมีคุณภาพจึงเป็นเรื่องสำคัญ เริ่มต้นตั้งแต่วันนี้จากการวางแผนและปรับเปลี่ยนพฤติกรรมทางการเงิน เลือกออม/ลงทุนเพื่อการเกษียณด้วยวิธีการที่เหมาะสม โดยสถาบันวิจัยเศรษฐกิจป๋วยยังแนะว่า ท้ายที่สุดแล้ว การเตรียมความพร้อมในการเกษียณก็คงเปรียบเสมือนการวิ่งมาราธอน ที่ต้องอาศัยวินัย ความสม่ำเสมอ และการวางแผนที่ดี เพื่อจะพาไปสู่ปลายทางที่เราสามารถออกแบบได้เอง
ติดตามข้อมูลด้านเศรษฐกิจและนโยบายรัฐบาล กับ ThairathMoney ได้ที่
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ https://www.facebook.com/ThairathMoney