ผิดนัดชำระหนี้ 1 ครั้ง ส่งผลกระทบอะไรบ้าง? เสียประวัติทางการเงิน และเสี่ยงอาจโดนฟ้อง!

“หนี้สิน” กับ สังคมไทย เป็นปัญหาฝังรากลึกมานาน บางคนยอมเป็นหนี้ เพราะมีเหตุจำเป็น มีเงินออมฉุกเฉินไม่เพียงพอ เมื่อเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น จึงเป็นหนี้ได้ง่าย บ้างต้องกู้เงิน ขอสินเชื่อ เพื่อเป็นทุนประกอบอาชีพ ซื้อยานพาหนะ เพราะจำเป็นต่อการทำงาน ทำให้อยู่ในวงจร เป็นหนี้ไม่จบไม่สิ้น หามา ก็ใช้ไป มีหนี้ติดตัวยันแก่เฒ่า 

ขณะกลุ่มใหญ่ ปฏิเสธไม่ได้ว่า “หนี้สิน” รุงรัง เพราะใช้เงินเกินตัว ทำให้รายได้เกินกว่าครึ่ง ถูกย้ายไปจ่ายหนี้หมด อีกทั้งเกือบ 60% ของวัยทำงาน มักก่อหนี้ในกลุ่มที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ ทั้งหนี้บัตรเครดิต สินเชื่อส่วนบุคคล ซึ่งพอเป็นเช่นนี้ ก็มีความเสี่ยงที่จะผิดนัดชำระหนี้อยู่บ่อยครั้ง 

อย่างไรก็ดี สิ่งที่ต้องรู้ คือ การผิดนัดชำระหนี้ ถือเป็นเรื่องร้ายแรง ที่ส่งผลกระทบต่อทั้งตัวเราและเครดิตทางการเงิน รวมถึงลดความน่าเชื่อถือเวลาที่จะทำธุรกรรมการเงินใดๆ เรื่อยไปจนถึงขั้นอาจโดนฟ้องอีกด้วย 

การผิดนัดชำระหนี้ส่งผลกระทบอะไรบ้าง?

ข้อมูลจาก บริษัทข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด หรือ เครดิตบูโร ระบุให้ความรู้ไว้ว่า การผิดนัดชำระหนี้นั้น ส่งผลกระทบหลายอย่างต่อประวัติทางการเงินของเรา และกว่าจะฟื้นฟูกลับมาเป็นปกติได้ก็ต้องใช้เวลาหลายปีเลยทีเดียว ดังนั้น ควรวางแผนการเงินในแต่ละเดือนให้ดี หากเริ่มมีปัญหาควรรีบหาทางแก้ก่อนที่ปัญหาจะบานปลาย และส่งผลกระทบในที่สุด

ทั้งนี้ การผิดนัดชำระหนี้แค่ครั้งเดียว ยังส่งผลกระทบต่อตัวเรามากกว่าที่คิด ดังนี้ 

• โดนเรียกค่าติดตามทวงถามหนี้ มาในรูปแบบของการติดต่อลูกหนี้เพื่อแจ้งเตือนจ่ายหนี้ในรอบบิลนั้นๆ ผ่านทางโทรศัพท์ ซึ่งทุกครั้งที่มีการติดต่อจะมีค่าใช้จ่ายในส่วนค่าติดตามทวงถามหนี้อยู่ในรอบบิลถัดๆ ไป (หากค้างจ่ายมากกว่า 1 งวด)
• เกิดดอกเบี้ยผิดนัดชำระหนี้ ส่วนใหญ่ดอกเบี้ยผิดนัดชำระหนี้จะเป็นหนี้บัตรเครดิตที่หากมีการผิดนัดชำระหนี้ จะมีดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายเพิ่ม เพราะถือเป็นค่าปรับจากการที่ไม่ได้จ่ายหนี้ตามกำหนด
• มีประวัติค้างชำระในรายงานข้อมูลเครดิต ส่งผลให้เครดิตทางการเงินไม่ดี เนื่องจากเครดิตบูโร มีหน้าที่ในการจัดเก็บข้อมูลสินเชื่อและประวัติการชำระสินเชื่อโดยสถาบันการเงินที่เป็นสมาชิกมีหน้าที่รายงานและส่งข้อมูลให้แก่เครดิตบูโรเป็นรายเดือนทุกเดือน โดยเครดิตบูโรจะจัดเก็บข้อมูลตามความจริง หากจ่ายแล้วก็บอกว่า "ปกติ" หรือ "ไม่ค้างชำระ" ทางเครดิตบูโรก็จะอัปเดตข้อมูลให้ในแต่ละเดือนไปเรื่อยๆ ทั้งหมด 36 เดือน จำนวน 36 บรรทัด เรียงทับกัน เหมือน "ขนมชั้น" เมื่อมีข้อมูลเข้ามาใหม่ ข้อมูลบรรทัดเก่าของเมื่อ 36 เดือนที่แล้วก็จะหายไป โดยสถาบันการเงินจะดูประวัติการชำระหนี้ของผู้กู้มาเป็นส่วนหนึ่งที่นำมาประกอบการพิจารณาสินเชื่อร่วมกับข้อมูลอื่นๆ ตามที่สถาบันการเงินแต่ละแห่งกำหนด
• โดนฟ้องร้อง เคสร้ายแรงที่สุดคือ ค้างชำระหนี้มาเป็นระยะเวลานานเกินกว่ากำหนด และติดต่อกลับหาลูกหนี้ไม่ได้ สถาบันการเงินจะต้องดำเนินการฟ้องร้องเพื่อดำเนินคดีเพื่อให้ลูกหนี้ชำระหนี้คืน กรณีลูกหนี้ผิดนัดชำระหนี้ เจ้าหนี้สามารถดำเนินคดีได้ตามบทบัญญัติของกฎหมาย โดยการยื่นฟ้องทางแพ่งต่อศาลตามแต่ประเภทสินเชื่อที่มีนิติกรรมต่อกันระหว่างเจ้าหนี้กับลูกหนี้

จะเห็นได้ว่า การผิดนัดชำระหนี้ ถือเป็นเรื่องร้ายแรง ดังนั้นแนวทางป้องกันการผิดนัดชำระหนี้ง่ายๆ เช่น ติดต่อสถาบันการเงินเพื่อเจรจาขอปรับโครงสร้างหนี้ หรือปรึกษาคลินิกแก้หนี้ by SAM เพื่อช่วยแก้ปัญหาหนี้ ฯลฯ หรือเช็กสุขภาพการเงิน ตรวจเครดิตบูโรอย่างสม่ำเสมอ 

ที่มา : เครดิตบูโร, KKP

อ่านข่าวหุ้น ข่าวทองคำ และ ข่าวการลงทุน และ การเงิน กับ Thairath Money ได้ที่

https://www.thairath.co.th/money/investment 

ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้  https://www.facebook.com/ThairathMoney