นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เปิดเผยหลังประชุมหน่วยงานเกี่ยวข้องหารือเรื่องการกวาดล้างบัญชีม้า และเร่งรัดการคืนเงินให้ผู้เสียหายเมื่อวันที่ 15 พ.ค.2567 ที่ผ่านมา ว่า จากการเดินหน้าปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์ระยะที่ 2 ต่อเนื่องจากระยะแรก 30 วัน (1-30 เม.ย.2567)
ที่ประชุมเห็นชอบดำเนินการมาตรการใหม่ล่าสุด โดยจะทำการตรวจสอบบัญชีโมบายแบงกิ้งที่มีอยู่ทั่วประเทศ 106 ล้านบัญชี ว่ามีชื่อ ตรงกับที่ลงทะเบียนเป็นเจ้าของซิมโทรศัพท์ที่ใช้บริการโมบายแบงกิ้งหรือไม่ ซึ่งโดยหลักการจะต้องเป็นชื่อเดียวกัน โดยจะเริ่มต้นตรวจสอบในวันที่ 27 พ.ค.2567 คาดว่าจะแล้วเสร็จใน 120 วัน
ด้าน พล.ต.ต.เอกรักษ์ ลิ้มสังกาศ รองเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ป.ป.ง.) กล่าวว่า ปัจจุบันพบว่าบัญชีม้าและซิมม้าในระบบโมบายแบงกิ้ง เป็นเครื่องมือสำคัญในการฉ้อโกง โดยพบว่ามีกว่า 30 ล้านบัญชีโมบายแบงกิ้งที่ชื่อเจ้าของบัญชีไม่ตรงกับชื่อที่ลงทะเบียนเปิดใช้บริการซิมมือถือไว้ ซึ่งต่อไปนี้จะต้องมีชื่อตรงกัน โดยทางสำนักงาน กสทช.จะจัดทำรายชื่อ ผู้ถือครองเลขหมายที่ถูกต้อง และส่งให้กับ ป.ป.ง.เพื่อส่งให้ธนาคารพาณิชย์ตรวจสอบต่อ หากพบเจ้าของเบอร์มือถือชื่อไม่ตรงกับเจ้าของบัญชีโมบายแบงกิ้ง จะแจ้งให้เปลี่ยนเบอร์ให้ถูกต้อง มิเช่นนั้นจะไม่สามารถใช้งานได้ เพื่อจะได้กวาดล้างบัญชีม้าและซิมม้าได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
นายประเสริฐ กล่าวอีกว่า เพื่อให้เป็นไปตาม เป้าหมายที่จะต้องปิดหรือระงับบัญชีม้าให้ได้มากกว่า 12,000 คนต่อเดือน หรือ 100,000 บัญชีต่อเดือน ในระยะ 4 เดือนจากนี้ (มิ.ย.-ก.ย.) ป.ป.ง.จะกระชับพื้นที่ขยายขอบเขตการปิดบัญชีม้า โดยใช้อำนาจตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการป้องกันและ ปราบปรามการฟอกเงิน ปิดบัญชีธนาคารทุกธนาคาร ที่เป็นของเจ้าของบัญชีม้าและผู้กระทำผิดกฎหมาย จากเดิมที่ปิดได้เฉพาะบัญชีที่ถูกแจ้งดำเนินคดี ซึ่งตรงนี้จะทำให้การเปิดบัญชีม้าทำได้ครอบคลุม เพิ่มจำนวนมากขึ้นได้
ส่วนการเร่งรัดคืนเงินให้กับผู้เสียหายนั้น เบื้องต้นอาจต้องมีการแก้ไข พ.ร.ก.มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 2566 โดยการเพิ่มหมวดการคืนเงิน หรืออาจออกเป็น พ.ร.บ.ใหม่ ซึ่งจะนำเสนอแนวทางต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี พิจารณาเร็วๆนี้ โดยหลักการคือจะทำให้การคืนเงินทำได้รวดเร็วขึ้น จากเดิมจะต้องผ่านกระบวนการศาลก่อนจึงจะคืนเงินได้ บางครั้งใช้เวลา 3 ปี โดยจะแก้กฎหมายเป็นเมื่อ ป.ป.ง.ตรวจสอบเส้นทางเงิน พิสูจน์ตัวผู้เสียหายได้แล้ว ให้มีอำนาจคืนเงินได้ทันที
ที่ประชุมยังเห็นชอบเพิ่มโทษการซื้อขายข้อมูลส่วนบุคคล ให้เป็นการกระทำที่ส่งผลกระทบร้ายแรงต่อประชาชน เศรษฐกิจ และสังคมในวงกว้าง เพิ่มโทษจำคุกจาก 1 ปี เป็น 5 ปี รวมทั้งกำหนดมาตรการและเงื่อนไขการเปิดบัญชีธนาคารใหม่ เพื่อป้องกันการนำไปกระทำความผิด โดยเพิ่มกระบวนการพิสูจน์ทราบข้อเท็จจริง Customer Due Diligence หรือ CDD โดยเฉพาะกลุ่มที่มีความเสี่ยง ธนาคารต้องตรวจสอบให้เคร่งครัดมากขึ้นก่อนอนุมัติเปิดบัญชี โดยทาง ธปท.จะมีการ ออกประกาศภายในเดือน มิ.ย.2567 ซึ่งปัจจุบันบางธนาคารได้มีการดำเนินการแล้ว
ด้านนายวิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ ปลัดกระทรวงดีอี กล่าวถึงการหารือถึงการป้องกันการโอนเงินแบบ ผิดกฎหมายของคนร้ายโดยการใช้สินทรัพย์ดิจิทัล โดยเฉพาะที่เป็นแพลตฟอร์มซื้อขายแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัลในต่างประเทศที่ผิดกฎหมายว่า กระทรวงดีอีในฐานะผู้มีอำนาจในการปิดแพลตฟอร์ม ต้องพิจารณาถึงประเด็นด้านข้อกฎหมายภายใต้สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ก่อน ว่าการกระทำดังกล่าวผิดกฎหมายหรือไม่.
อ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ทั้งหมดที่นี่