คน Gen Z เครียดเรื่องภาษี จนต้องพบนักบำบัด สรุปสิ่งที่เด็กจบใหม่ต้องรู้ก่อน “ยื่นภาษี” โค้งสุดท้าย

Personal Finance

Banking & Bond

กองบรรณาธิการ

Author

กองบรรณาธิการ

Tag

คน Gen Z เครียดเรื่องภาษี จนต้องพบนักบำบัด สรุปสิ่งที่เด็กจบใหม่ต้องรู้ก่อน “ยื่นภาษี” โค้งสุดท้าย

Date Time: 8 เม.ย. 2567 12:47 น.

Video

ล้วงไส้ TEMU อีคอมเมิร์ซจีน บุกไทย ทำไมอาจสร้างวิบากกรรมกว่าที่คิด ? | Digital Frontiers

Summary

  • “การยื่นภาษี” สร้างความปวดหัวให้กับเด็กจบใหม่อยู่ไม่น้อย ผลสำรวจของ Cash App พบว่า 1 ใน 4 ของคน Gen Z มีแผนที่จะพบนักบำบัดความเครียดระหว่างการยื่นภาษี Thairath Money สรุปเรื่องที่ต้องรู้ก่อนยื่นภาษีโค้งสุดท้ายมาให้แล้ว อ่านจบยื่นภาษีตามได้เลย

Latest


โค้งสุดท้ายแล้วสำหรับเทศกาล “ยื่นภาษี” ที่ทำเอาหลายคนกุมขมับ วุ่นเตรียมเอกสารประกอบการยื่นภาษี หาวิธีลดหย่อนที่คุ้มค่าที่สุดเพื่อประหยัดเงิน สำหรับคนที่ทำงานมาหลายปี ความยุ่งยากในการจัดการภาษีก็คงลดน้อยลงตามความเคยชิน แต่สำหรับ “เด็กจบใหม่” ที่เพิ่งก้าวสู่สังคมการทำงาน การจัดการภาษีถือเป็นเรื่องที่สร้างความเครียดไม่น้อย


ผลสำรวจของ Cash App ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มชำระเงินออนไลน์ในสหรัฐฯ พบว่า 1 ใน 4 ของคน Gen Z มีแผนที่จะพบนักบำบัดความเครียดระหว่างการยื่นภาษี 

นอกจากนี้ 54% ยังเปิดเผยว่า การยื่นภาษีทำให้พวกเขาร้องไห้ เมื่อเทียบกับ Millennial ซึ่งมีสัดส่วนอยู่ที่ 38% ทั้งนี้ สาเหตุความเครียดหลักๆ มาจากการที่คนรุ่นใหม่มีรายได้หลายทาง และทำอาชีพหลากหลายมากขึ้น เช่น รายได้จากการเทรดคริปโตฯ ขายไอเทมในเกม ทำอาชีพอิสระผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์อย่างเป็นคนขับรถ Uber ทำให้การเตรียมเอกสารและคำนวณภาษีมีความซับซ้อนมากขึ้น และแตกต่างกันไปในแต่ละรัฐ

สำหรับประเทศไทยมีระบบ E-FILING ยื่นภาษีออนไลน์ของกรมสรรพากร ซึ่งจะช่วยคำนวณภาษีที่เราต้องจ่ายจากข้อมูลในใบ 50 ทวิ ซึ่งระบบจะปิดรับยื่นรายการแสดงภาษีในวันที่ 9 เมษายนนี้ สำหรับเด็กจบใหม่ที่ยังไม่ยื่นภาษี Thairath Money สรุปเรื่องที่ต้องรู้ก่อนยื่นภาษีโค้งสุดท้ายมาให้แล้ว อ่านจบยื่นภาษีตามได้เลย


เงินได้คืออะไร

ตามนิยามของกรมสรรพากร “เงินได้” ย่อมาจากคำว่า “เงินได้พึงประเมิน” ซึ่งหมายถึง เงินได้ของบุคคลใดๆ ที่เกิดขึ้นระหว่างวันที่ 1 มกราคม ถึง 31 ธันวาคมของปี สรุปเป็นภาษาเข้าใจง่ายก็คือ รายได้ที่เราได้รับจากช่องทางต่างๆ ตลอดปีภาษีนั้นๆ ไม่ว่าจะเป็นเงินจากการทำงาน การลงทุน ทรัพย์สินต่างๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ 

ใครบ้างต้องยื่น-เสียภาษี

ตามกฎหมายกำหนดให้บุคคลธรรมดาที่มีเงินได้สุทธิมากกว่า 120,000 บาทต่อปี จะต้องทำการยื่นภาษี โดยไม่ต้องเสียภาษี แต่หากมีเงินได้สุทธิเกิน 150,000 บาทต่อปี จะต้องยื่นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา และทำการเสียภาษี ผ่านแบบแสดงรายการภาษี 2 ประเภท ได้แก่ ภ.ง.ด. 90 สำหรับผู้มีเงินได้หลายทางนอกจากเงินเดือนและ ภ.ง.ด. 91 สำหรับผู้มีเงินได้ทางเดียวจากเงินเดือน


ทั้งนี้ ไม่ว่าจะต้องเสียหรือไม่เสียภาษี ผู้ที่มีเงินได้เข้าเกณฑ์จะต้องทำการยื่นภาษี ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม-31 มีนาคม 2567 หรือจะยื่นผ่านเว็บไซต์ของกรมสรรพากร www.rd.go.th ได้ถึง 9 เมษายน 2567


สำหรับเด็กจบใหม่ที่มีรายได้จากเงินเดือนช่องทางเดียว จะมีขอบเขตรายได้ที่ต้องยื่นภาษีและต้องเสียภาษี ดังนี้

  • เงินเดือนไม่เกิน 26,583.33 บาท ต้องยื่นภาษี แต่ไม่ต้องเสียภาษี
  • เงินเดือนมากกว่า 26,583.33 บาท ต้องยื่นภาษี และต้องเสียภาษี
  • กรณีที่มีเงินเดือนไม่เกิน 25,833.33 บาท และไม่ได้จ่ายเงินสมทบประกันสังคม ต้องยื่นภาษี แต่ไม่ต้องเสียภาษี
  • กรณีที่มีเงินเดือนเกิน 25,833.33 บาท และจ่ายเงินสมทบประกันสังคม ต้องยื่นภาษี และต้องเสียภาษี

เอกสารยื่นภาษีมีอะไรบ้าง

การยื่นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ ภ.ง.ด. 91 และ ภ.ง.ด. โดยมีเอกสารที่ต้องเตรียมสำหรับยื่นภาษี ดังนี้

  • หนังสือรับรองภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย (ใบ 50 ทวิ)
  • รายการลดหย่อนภาษีที่รวบรวมไว้ทั้งปี เช่น ค่าเลี้ยงดูบิดา-มารดา ค่าเลี้ยงดูบุตร
  • เอกสารประกอบการลดหย่อนภาษี เพื่อประกอบการกรอกแบบฟอร์มยื่นภาษี เช่น จำนวนเงินที่ซื้อกองทุน เบี้ยประกันชีวิต ประกันสุขภาพ หรือค่าใช้จ่ายในการซื้อสินค้าหรือบริการ 

ใบทวิ 50 สำคัญยังไง ขอได้ที่ไหน

ใบ 50 ทวิ คือ หนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย ซึ่งแสดงรายการเงินได้ทั้งปีที่นายจ้างจะต้องออกให้กับลูกจ้าง โดยเราจะต้องใช้เป็นหลักฐานประกอบการคำนวณและยื่นภาษี

  • สำหรับพนักงานประจำ นายจ้างมีหน้าที่ต้องออกใบ 50 ทวิ ให้ภายในวันที่ 15 ก.พ. ของปีถัดไป
  • สำหรับฟรีแลนซ์ โดยปกติแล้วผู้จ่ายเงินจะต้องออกใบ 50 ทวิ ให้ผู้ถูกหักภาษี ณ ที่จ่ายทันที

วิธีคำนวณภาษีด้วยตัวเอง

แม้การยื่นภาษีออนไลน์ผ่านเว็บไซต์กรมสรรพากร จะคำนวณภาษีที่เราต้องจ่ายให้อัตโนมัติ แต่การคำนวณภาษีด้วยตัวเองเบื้องต้น จะช่วยเช็กความถูกต้องของข้อมูลอีกรอบ ป้องกันการจ่ายภาษีเกินหรือขาด ซึ่งต้องเสียเวลามายื่นเอกสารใหม่ หรือในบางกรณีอาจมีบทลงโทษตามกฎหมาย


[(เงินได้ - ค่าใช้จ่าย - ค่าลดหย่อน) - เงินบริจาค] *อัตราภาษี

• เงินได้ คือ รายได้ทั้งปี รวมโบนัส หรือถ้าเป็นพนักงานบริษัทก็คือ เงินเดือน x12+โบนัส

• ค่าใช้จ่าย คือ ส่วนที่กฎหมายกำหนดให้หักค่าใช้จ่ายต่างๆ เพื่อหักเป็นต้นทุนสำหรับการทำมาหารายได้ของเรา การหักค่าใช้จ่ายมี 2 แบบ คือ การหักค่าใช้จ่ายแบบเหมา และการหักค่าใช้จ่ายแบบตามจริง

• ค่าลดหย่อน เป็นสิทธิประโยชน์ที่กฎหมายเปิดช่องเพื่อให้เสียภาษีน้อยลง เช่น ค่าลดหย่อนส่วนตัว คู่สมรส บิดามารดา บุตร อุปการะเลี้ยงดูคนพิการ เบี้ยประกันบิดามารดา ฯลฯ แล้วเมื่อคำนวณเงินได้ออกมาแล้ว ก็ต้องไปเทียบกับฐานภาษีของสรรพากร

• เงินบริจาค คือ เงินที่ได้รับสิทธินำมาลดหย่อนไม่เกิน 10% จากเงินได้สุทธิก้อนแรก เช่น เงินบริจาคเพื่อการศึกษา เงินบริจาคเพื่อสาธารณประโยชน์

อัตราภาษีแบบขั้นบันได

เมื่อทราบเงินได้สุทธิแล้ว ให้นำมาคำนวณภาษีที่ต้องจ่ายเทียบตามอัตราภาษีขั้นบันได ดังนี้

  • เงินได้สุทธิ 0-150,000 บาท (อัตราภาษี 0% หรือได้รับการยกเว้นภาษี)
  • เงินได้สุทธิ 150,001-300,000 บาท (อัตราภาษี 5%)
  • เงินได้สุทธิ 300,001-500,000 บาท (อัตราภาษี 10%)
  • เงินได้สุทธิ 500,001-750,000 บาท (อัตราภาษี 15%)
  • เงินได้สุทธิ 750,001-1,000,000 (อัตราภาษี 20%)
  • เงินได้สุทธิ 1,000,001-2,000,000 บาท (อัตราภาษี 25%)
  • เงินได้สุทธิ 2,000,001-5,000,000 บาท (อัตราภาษี 30%)
  • เงินได้สุทธิมากกว่า 5 ล้านบาท (อัตราภาษี 35%)

ยื่นภาษีล่าช้า

สำหรับคนที่ยื่นภาษีไม่ทันระยะเวลาที่กำหนดอย่าชะล่าใจ แม้ไม่มีภาษีที่ต้องจ่าย แต่การยื่นภาษีล่าช้านั้นมีความผิดตามกฎหมาย โดยจะต้องเสียค่าปรับไม่เกิน 2,000 บาท หรือสำหรับคนที่ต้องเสียภาษีนอกจากจะถูกปรับเงินแล้ว ยังต้องจ่ายดอกเบี้ยเพิ่ม 1.5% ต่อเดือน ของจำนวนเงินภาษีที่ต้องชำระ (ถ้ามีเศษของเดือนให้นับเป็นเท่ากับ 1 เดือน)

ที่มา

อ่านข่าว และเทคนิคการเงินส่วนบุคคล กับ Thairath Money ได้ที่

ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้  https://www.facebook.com/ThairathMoney


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
กองบรรณาธิการไทยรัฐออนไลน์