การฟื้นตัวของเศรษฐกิจทั่วโลกที่ช้าลง และมีความแตกต่างที่มากขึ้น หลังจากผ่านช่วงโควิด-19 นั้น ทำให้ปี 2567 นี้ ถือเป็นปีแห่งความท้าทายสำหรับภาคธุรกิจ สำหรับเศรษฐกิจไทยก็อยู่ในช่วงการฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป และยังต้องจับตากับปัจจัยต่างๆ ที่อาจเข้ามากดดันโอกาสการเติบโต
ท่ามกลางความท้าทายเหล่านี้ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) หรือหุ้น BAY ในเครือของมิตซูบิชิ ยูเอฟเจ ไฟแนนเชียล กรุ๊ป (MUFG) หนึ่งในกลุ่มสถาบันการเงินระดับโลก ประกาศแผนธุรกิจระยะกลางฉบับใหม่ ปี 2567-2569 ตั้งเป้าปั้นพอร์ตสินเชื่อโต 3-5% พร้อมเป้าหมายการเป็น “ธนาคารชั้นนำแห่งภูมิภาคเพื่อความยั่งยืน”
เคนอิจิ ยามาโตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยในระยะต่อไป แม้ว่าจะเป็นไปอย่างช้าๆ จากแรงหนุนของการใช้จ่ายภาครัฐ การสนับสนุนด้านนโยบาย กิจกรรมการท่องเที่ยวที่ดีขึ้น และการจ้างงานที่เพิ่มขึ้น แต่ยังคงมีความเสี่ยงอยู่จากอุปสรรคภายนอก ทั้งสภาวะทางการเงินที่ตึงตัว และภัยแล้งที่บั่นทอนการเติบโตในกิจกรรมทางเศรษฐกิจโดยรวม
สำหรับแผนธุรกิจระยะกลางฉบับใหม่นี้ กรุงศรีจะมุ่งขยายบริการทางการเงินเพื่อความยั่งยืน เพื่อเข้าถึงฐานลูกค้า SME และลูกค้ารายย่อยที่หลากหลายยิ่งขึ้น พร้อมยังให้ความสำคัญกับการจัดหาเงินทุนเพื่อช่วยเหลือกลุ่มลูกค้าธุรกิจ และ SME ในช่วงการเปลี่ยนผ่านสู่การเป็นธุรกิจคาร์บอนต่ำ ควบคู่ไปกับการสนับสนุนในเรื่องกติกาด้านการเงินและภาษี (Taxonomy) ที่จำแนกประเภทกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่สอดคล้องกับความเข้มของค่าคาร์บอน
เคนอิจิ กล่าวต่อว่า สำหรับเป้าหมายในปี 2567 กรุงศรีคาดว่าเงินให้สินเชื่อจะเติบโตที่ 3-5% จากปีก่อน และตั้งเป้าหมายของส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) อยู่ที่ 3.8-4.1% และคาดว่าอัตราส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL Ratio) อยู่ที่ราว 2.50-2.75% ขณะที่อัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้ (cost-to-income ratio) จะอยู่ในระดับ mid-40%
นอกจากนี้ กรุงศรีวางเป้าหมายในการเพิ่มการสนับสนุนทางการเงินให้แก่โครงการธุรกิจเพื่อสังคมและความยั่งยืนที่ 100,000 ล้านบาท ภายในปี 2573 และให้การสนับสนุนลูกค้าในการออกผลิตภัณฑ์การเงินเพื่อความยั่งยืน อย่างไรก็ดี ในปี 2566 ที่ผ่านมา กรุงศรีมียอดสินเชื่อเพื่อความยั่งยืนเพิ่มขึ้น 71,000 ล้านบาทจากฐานปี 2564
กรุงศรีวางงบลงทุนสำหรับ 3 ปีข้างหน้า ไว้ที่ระดับ 15,000 ล้านบาทต่อปี โดยมุ่งมั่นที่จะสร้างความแข็งแกร่ง และรักษาตำแหน่งผู้นำในธุรกิจหลักของธนาคาร เพื่อให้เติบโตได้อย่างยั่งยืน โดยจะเน้นเรื่องดิจิทัล ดาต้า ระบบนิเวศ และการสร้างพันธมิตรเป็นแกนสำคัญในการดำเนินงาน
สำหรับการลงทุนด้านไอทีและดิจิทัล จะเน้นการพัฒนาดิจิทัลแพลตฟอร์มและเทคโนโลยีที่ยึดความต้องการลูกค้าเป็นหลัก เพื่อยกระดับผลิตภัณฑ์และการให้บริการกับลูกค้าในทุกกลุ่ม ผ่านทุก Touchpoint ทั้งสาขา ออนไลน์ โมบายแอปฯ และ Call Center
พร้อมกันนี้ กรุงศรีเร่งเดินหน้าพัฒนา Jupiter Project หรือการพัฒนาระบบไอทีหลักของธนาคาร (Core Banking Transformation) โดยคาดหวังว่าหลังจากโครงการดังกล่าวแล้วเสร็จ จะสามารถการออกผลิตภัณฑ์หรือบริการใหม่ๆ ที่ตอบโจทย์ความต้องการลูกค้าได้มากขึ้นและเร็วขึ้น ขณะที่ความปลอดภัยก็จะมากขึ้นเช่นกัน
สำหรับกลุ่มธุรกิจลูกค้ารายย่อยและลูกค้าบุคคล กรุงศรียังคงเดินหน้ากลยุทธ์ One Retail โดยการใช้ดาต้าเพื่อตอบโจทย์ลูกค้าเป็นหลัก ส่วนกลุ่มลูกค้าธุรกิจ กรุงศรีจะขยายขีดความสามารถด้านธุรกรรมการเงินทั้งในและต่างประเทศในรูปแบบ Banking as a Service โดยพัฒนาร่วมกับพันธมิตรจากทั้งในไทยและต่างประเทศ
อ่านข่าวหุ้น และการลงทุน กับ Thairath Money ได้ที่
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้