นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง เปิดเผยว่า ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.67 เป็นต้นไป กรมสรรพากรจะใช้วิธีการคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม (แวต) ให้ผู้ประกอบการผ่านระบบพร้อมเพย์เท่านั้น และยุติการคืนแวตผ่านเช็คเงินสด เพื่อปิดช่องโหว่ป้องกันการทุจริตของเจ้าหน้าที่กรมสรรพากร ส่วนการดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่กรมสรรพากรที่กระทำความผิด 4 รายนั้น ได้สั่งการให้ผู้บริหารระดับสูงที่เกี่ยวข้องไปเร่งดำเนินการตามขั้นตอน ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลอาญาแล้ว ขณะเดียวกัน ได้สั่งการให้กรมสรรพากรตรวจสอบสำนักงานสรรพากรทุกพื้นที่ เพื่อให้เกิดความมั่นใจแก่ประชาชนว่า ระบบการคืนภาษี หรือการทำงานของสรรพากรมีความโปร่งใสทุกขั้นตอน
ด้านนายวินิจ วิเศษสุวรรณภูมิ รองอธิบดีและโฆษกกรมสรรพากร กล่าวว่า เชิญชวนให้ผู้ที่อยู่ในระบบภาษีแวตทุกราย ทั้งบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลเข้าร่วมสมัครใช้บริการโอนเงินและรับโอนเงินมาตรฐานใหม่ที่เรียกว่า ระบบพร้อมเพย์กับธนาคารพาณิชย์ที่เปิดบัญชีเงินฝากไว้ เพื่อเพิ่มความสะดวกกรณีที่กรมจะคืนแวตให้แก่ผู้เสียภาษี โดยจะคืนภาษีแวตผ่านพร้อมเพย์แทนการคืนผ่านระบบเช็คสั่งจ่าย เพราะการโอนเงินคืนผ่านเลขที่บัญชีของผู้เสียภาษี จะมีค่าโอนต่อรายการ 250 บาท และมีการโอนเงินคืนให้ผู้เสียภาษีมากถึง 300,000-400,000 รายการ ซึ่งกรมไม่สามารถรับภาระดังกล่าวได้ ขณะที่ผู้เสียภาษีก็ไม่ยินยอมรับภาระค่าใช้จ่ายนี้เช่นกัน
“นับตั้งแต่ต้นปี 67 เป็นต้นไป กรมจะขอให้ผู้ที่อยู่ในระบบแวตทั้งที่เป็นบุคคลธรรมดาและนิติบุคคล เปิดใช้บริการโอนและรับเงินผ่านระบบพร้อมเพย์กับธนาคารที่ได้เปิดบัญชีไว้ เพื่อที่กรมจะได้โอนเงินที่ผู้เสียภาษีขอคืนแวต มาได้สะดวกและรวดเร็วมากขึ้น อีกทั้งจะช่วยแก้ไขปัญหาการทุจริตการคืนแวตได้ หลังจากได้ตรวจพบว่า มีเจ้าหน้าที่ของกรมกระทำการทุจริตการคืนแวตผ่านช่องทางการคืนแวตด้วยเช็คสั่งจ่ายในช่วงโควิดที่ผ่านมา ซึ่งล่าสุด เรื่องนี้อยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของศาลอาญาแล้ว”
ทั้งนี้ ปัจจุบัน มีบุคคลธรรมดาและนิติบุคคลที่ใช้พร้อมเพย์อยู่จำนวนหนึ่งแล้ว แต่ยังไม่ครบทุกราย กรมจะให้เวลาสำหรับการเปลี่ยนผ่านระบบการรับโอนเงินสำหรับผู้ที่อยู่ในระบบแวต 3 เดือน หลังจากที่กรมได้เริ่มดำเนินการอย่างเป็นอย่างการแล้ว.
อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่