นพพร ศุภพิพัฒน์ อดีตผู้ก่อตั้งและซีอีโอบริษัท วินด์ เอนเนอร์ยี่ โฮลดิ้ง หรือ WEH นักธุรกิจผู้เคยติดอันดับที่ 31 ใน 50 เศรษฐีไทยปี 2557 จากนิตยสารฟอร์บส
ชื่อของ นพพร อยู่ในหน้าสื่ออีกครั้งเมื่อ บีบีซีไทย รายงานข่าวศาลอังกฤษตัดสินให้นพพรชนะคดีฟ้องร้อง ณพ ณรงค์เดช และพวก 14 คน ในข้อหาสมคบกันชักจูงใจด้วยข้อมูลลวงให้ขายหุ้น WEH พร้อมให้จำเลยจ่ายค่าเสียหายรวมราว 900 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 3 หมื่นล้านบาท
ปัจจุบันนพพรอายุ 52 ปี พักอาศัยอยู่ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส หลังลี้ภัยเมื่อปี 2557 เนื่องจากถูกกล่าวหาด้วยคดีอาญาหลายคดี รวมถึงคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112
นพพร เกิดเมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2514 ชื่อเล่นว่า “นิก” ปัจจุบันอายุ 52 ปี บิดามารดาเป็นทันตแพทย์ เกิดและเติบโตที่กรุงเทพฯ ถูกส่งไปเรียนไฮสคูลที่สหรัฐอเมริกา และจบการศึกษาปริญญาตรี เศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยไมอามี และกลับมาทำงานที่ประเทศไทย โดยเริ่มต้นด้วยการเป็นนักลงทุนในตลาดหุ้น ลงทุนด้วยเงินก้อนแรก 1 ล้านบาท ตอนอายุ 21 ปี แต่ก็ขาดทุนจนหมดในเวลาต่อมา เขาเคยเปิดสำนักพิมพ์ และประสบปัญหาธุรกิจในช่วงวิกฤติต้มยำกุ้งปี 2540
ต่อมาเมื่อปี 2549 นพพร เปิดบริษัท รีนิวเอเบิล เอนเนอยี คอร์เปอร์เรชั่น จํากัด (REC) และในปี 2552 เปิดบริษัท วินด์ เอนเนอร์ยี โฮลดิ้ง (WEH) โดยมี REC เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ มีวินด์ ฟาร์ม ทำพลังงานลมในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทย 2 แห่ง กำลังการผลิตไฟฟ้า 207 เมกะวัตต์ รวมถึงโรงไฟฟ้า 7 แห่ง กำลังการผลิตไฟฟ้า 650 เมกะวัตต์
ซึ่งต่อมา WEH เป็นบริษัทผลิตไฟฟ้าพลังลมรายใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่มีมูลค่าธุรกิจสูงกว่า 5 หมื่นล้านบาท และส่งผลให้ในปี 2557 นพพร ติดอันด้บที่ 31 ใน 50 เศรษฐีไทย ที่มีความมั่งคั่งสุทธิ 800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 2.7 หมื่นล้านบาท (อัตราแลกเปลี่ยน 1 ดอลลาร์สหรัฐ = 34.67 บาท) โดยนิตยสารฟอร์บส
ข้อมูลจาก linkedin ระบุว่า นพพร เป็นผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมพลังงานหมุนเวียน และปัจจุบันเป็นผู้ประกอบการลงทุนในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี โดยเมื่อปี 2552 เป็นผู้ก่อตั้งและซีอีโอบริษัท วิน เอนเนอร์ยี โฮลดิ้ง ซึ่งเป็นบริษัทพลังงานหมุนเวียนที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ด้วยมูลค่าธุรกิจเมื่อปี 2557 อยู่ที่ 1.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 6.5 หมื่นล้านบาท เขาก่อตั้งธุรกิจนี้เนื่องจากเห็นถึงศักยภาพพลังงานลมของประเทศไทยในเวลานั้น และยังไม่มีใครเชื่อว่าธุรกิจนี้จะสามารถสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจได้
อย่างไรก็ตาม เมื่อต้องลี้ภัยการเมืองมาพำนักที่ฝรั่งเศส หลังการรัฐประหารในประเทศไทยเมื่อปี 2557 นพพร ได้ลงทุนในฐานะผู้ร่วมลงทุนในหลายธุรกิจ ซึ่งรวมถึงบริษัท Blade สตาร์ทอัพด้านคลาวด์คอมพิวเตอร์ที่มีผลงานโดดเด่นแห่งหนึ่งในโลก รวมถึงบริษัท Shadow ธุรกิจด้านไอทีที่ศักยภาพอีกแห่งของฝรั่งเศส
ทั้งนี้ นพพร ลี้ภัยการเมืองโดยหลบหนีไปทางกัมพูชา ก่อนเดินทางออกไปต่างประเทศ หลังจากถูกคำสั่งจับกุมเมื่อวันที่ 2 ธ.ค. 2557 โดยศาลทหารกรุงเทพฯ อนุมัติออกหมายจับเลขที่ 138/2557 ลงวันที่ 1 ธ.ค. 2557 ในข้อหาร่วมกันหมิ่นประมาท ดูหมิ่นพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ และจ้างวานใช้ให้ผู้อื่นกระทำการร่วมกันทำร้ายผู้อื่น ร่วมกันทำให้เสียทรัพย์ ร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด ไม่กระทำการใด หรือจำยอมต่อสิ่งใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียง หรือทรัพย์ของผู้ถูกข่มขืนใจนั้นเองหรือของผู้อื่นโดยใช้กำลังประทุษร้าย จนผู้ถูกข่มขืนใจต้องกระทำการนั้น ไม่กระทำการนั้น หรือจำยอมต่อสิ่งนั้น โดยมีอาวุธ โดยร่วมกันกระทำความผิดตั้งแต่ห้าคนขึ้นไป
ติดตามข่าวสาร รับข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับตลาดหุ้น หุ้น หุ้นไทย หุ้นต่างประเทศ ราคาหุ้น บทวิเคราะห์หุ้น เจาะลึกหุ้นรายเด่นรายตัว ข่าวหุ้นล่าสุด อัปเดตโอกาสในตลาดหุ้นทั่วโลก ได้ที่นี่
ข่าวหุ้น หุ้น การลงทุนหุ้น ได้ที่ : https://www.thairath.co.th/money/investment/stocks