ลงทุนรับนโยบายการเงินเปลี่ยนทิศ

Personal Finance

Banking & Bond

กองบรรณาธิการ

Author

กองบรรณาธิการ

Tag

ลงทุนรับนโยบายการเงินเปลี่ยนทิศ

Date Time: 9 มิ.ย. 2566 06:01 น.

Summary

  • “We’ll get nowhere if we argue all the time!” ผู้อ่านท่านครับ get nowhere เป็นวลีหมายถึง achieve nothing ไม่ประสบความสำเร็จในอะไรเลย have no success ไม่มีความสำเร็จ หรือ have no progress ไม่มีความก้าวหน้า

Latest

ชัชวาลย์ เจียรวนนท์ ส่ง Lightnet จับมือ WeLab ฟินเทคฮ่องกง ลงสนามชิงใบอนุญาตฯ Virtual Bank

ปัญหาเพดานหนี้สหรัฐฯที่เริ่มคลี่คลายความกังวลว่าสหรัฐฯจะผิดนัดชำระหนี้ลดลง ส่งผลให้นักลงทุนทยอยกลับเข้าลงทุนสินทรัพย์เสี่ยง และคาดหวังว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) อาจปรับลดอัตราดอกเบี้ยในครึ่งหลังของปีนี้

นโยบายการเงินที่กำลังเปลี่ยนทิศในฝั่งสหรัฐฯ และน่าจะมีผลกับนโยบายการเงินทั่วโลกที่ใกล้จบรอบการขึ้นอัตราดอกเบี้ยในไม่ช้า!!

ดร.อมรเทพ จาวะลา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสำนักวิจัยและ ที่ปรึกษาการลงทุน ธนาคารซีไอเอ็มบีไทย ได้เขียนบทความแนะนำแนวทางการลงทุน เดือน มิ.ย.66 เผยแพร่ลงใน www.setinvestnow.com โดยแนะให้กระจายการลงทุนในหุ้นขนาดใหญ่ทั่วโลก รวมทั้งแบ่งสัดส่วนการลงทุนไปตราสารหนี้ และถือเงินสดรอจับจังหวะลงทุนหากตลาดหุ้นผันผวนและย่อตัวลง “คุณนายพารวย” อ่านแล้วน่าสนใจ จึงนำมาสรุปสั้นๆ เพื่อให้นักลงทุนจับทิศทางการลงทุนได้ถูกทาง โดย “ดร.อมรเทพ” ได้ให้คำแนะนำไว้ดังนี้

1.กองทุนรวมตราสารหนี้ต่างประเทศ เน้นลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ และหน่วยงานที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลสหรัฐฯ และเลือกกองทุนที่ป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนไว้ด้วย หากกองทุนถือพันธบัตรระยะสั้น เพื่อช่วยลดความผันผวนจากการขึ้นดอกเบี้ยของเฟด ในกรณีที่ยังมีแรงกดดันต่อในเดือน มิ.ย.ที่ยังไม่หยุดขึ้นดอกเบี้ยอย่างที่คาด

2.เงินสด หากภาพ Sell in May ลากยาวต่อมาถึงเดือน มิ.ย.ทั้งจากปัญหาการเมืองในสหรัฐฯ หรือแรงกดดันต่อการขึ้นดอกเบี้ยของเฟดที่มากขึ้น โดยหาจังหวะเข้าสะสมกองทุนรวมหุ้นขนาดใหญ่พื้นฐานดีที่มีโอกาสฟื้นตัวได้เร็ว ทั้งนี้ อาจเข้าพักเงินในกองทุนรวมที่มีสภาพคล่องสูง อายุเฉลี่ยตราสารหนี้ของกองทุนสั้นและอันดับความน่าเชื่อถือดี

3.กองทุนรวมหุ้นขนาดใหญ่และขนาดกลางในสหรัฐฯ ที่มีการเติบโตสูงโดดเด่นในระยะยาวและมีความแข็งแกร่งในรูปแบบธุรกิจที่รับมือกับการเปลี่ยนแปลงของวงจรเศรษฐกิจได้ดี ให้น้ำหนักกลุ่มเทคโนโลยี (IT) และกลุ่มสุขภาพ (Healthcare) โดยคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯ จะไม่เผชิญกับภาวะถดถอยครั้งใหญ่ แต่เป็นการชะลอตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป จึงทำให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ มีความน่าสนใจอีกครั้ง

4.กองทุนรวมหุ้นใหญ่พื้นฐานดีที่กระจายการลงทุนทั่วโลก โดยเฉพาะกลุ่มที่มีความผันผวนต่ำกว่าตลาด เน้นธุรกิจที่โดดเด่น มีประวัติที่มีความสามารถในการทำกำไร การสร้างกระแสเงินสด และการเติบโตดีสม่ำเสมอ รวมทั้งบริษัทที่มี ESG ซึ่งจากการวิจัยพบว่ามักให้ผลตอบแทนสูงกว่าตลาดและผันผวนน้อยกว่าตลาด

5.กองทุนรวมหุ้นจีน ช่วงที่ผ่านมาตลาดหุ้นจีนย่อตัวลง ทำให้ค่า P/E ของตลาดหุ้น A-Shares ปรับลงถึงจุดที่น่าสนใจ และคาดกำไรสุทธิต่อหุ้น (EPS) จะเติบโตสูง ซึ่งถือเป็น 1 ในตลาดหุ้นที่ยังมีศักยภาพในการเติบโตดีในปีนี้เลือกกองทุนรวมที่มีแนวทางการลงทุนแบบเชิงรุก (Active) เน้นหุ้นใหญ่หรือหุ้นที่มีแนวโน้มได้ประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างและการปฏิรูปเศรษฐกิจในระยะยาว และได้ประโยชน์จากการกลับมาเปิดเศรษฐกิจของจีน

6.กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ หรือ REITs ในไทยและสิงคโปร์ เริ่มน่าสนใจ หลังเริ่มประกาศจ่ายเงินปันผลได้ และน่าจะได้เงินปันผลมากขึ้นกลับไปใกล้เคียงกับช่วงก่อนโควิด ส่วนกอง REITs ประเภท Leasehold ให้เลือกกองที่เหลือสัญญาเช่าอีกหลายสิบปี ซึ่งจะช่วยให้กองทุนมีความสามารถในการจ่ายเงินปันผลได้ระยะยาว!!

คุณนายพารวย


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ