นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวถึงทิศทางเศรษฐกิจของไทยในขณะนี้ว่า หลังจากที่เศรษฐกิจไทยผ่าน 4 วิกฤติทางเศรษฐกิจตั้งแต่วิกฤติโควิด-19 วิกฤติน้ำมันแพง ซึ่งเป็นผลกระทบจากสงครามยูเครนและรัสเซียก่อให้เกิดปัญหาเงินเฟ้อที่สูงขึ้นอย่างรวดเร็วทั่วโลก ส่งผลให้เกิดปัญหาวิกฤติเงินเฟ้อและการเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางทั่วโลก กระทบต่อต้นทุนการทำธุรกิจ ล่าสุด วิกฤติความอ่อนแอของสถาบันการเงินในต่างประเทศ ในปีนี้ ธปท.เห็นภาพการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยที่ชัดเจน คาดว่าจะเกิดขึ้นต่อเนื่อง โดยมีการปรับเพิ่มขึ้นของการท่องเที่ยว และการใช้จ่ายของประชาชนเป็นตัวหนุน
“อยากยืนยันให้สบายใจกันว่า เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวในทุกด้าน มูลค่าเศรษฐกิจไทยได้กลับเข้าสู่ช่วงก่อนโควิดแล้วในไตรมาสแรก และฟื้นตัวต่อเนื่อง คาดว่าครึ่งปีหลัง จะฟื้นตัวได้ดีกว่าครึ่งปีแรก โดยประมาณการว่าอัตราการเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ครึ่งปีแรกจะขยายตัว 2.9% ขณะที่ครึ่งปีหลังขยายตัว 4.3% ส่งผลให้ทั้งปีขยายตัว 3.6% ส่วนภาคส่งออกจะหดตัว 7.1% ในครึ่งปีแรก ก่อนจะพลิกมาบวกในครึ่งหลังของปี”
สำหรับปัจจัยเสี่ยงของปีนี้ ยังต้องจับตาผลกระทบจากเศรษฐกิจต่างประเทศ ซึ่งมีความชัดเจนว่าจะชะลอตัวลงในอนาคต แต่ปัจจัยที่ต้องจับตาเป็นพิเศษคือทิศทางการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีน ซึ่งเศรษฐกิจไทยมีความพึ่งพิงสูงทั้งด้านการส่งออก การท่องเที่ยว ว่าจะฟื้นตัวได้ดีมากแค่ไหน จะช่วยให้ไทยส่งออกได้มากขึ้นหรือไม่อย่างไร และต้องจับตาผลกระทบจากความผันผวนของตลาดเงิน ตลาดทุน เงินทุนเคลื่อนย้ายของโลก แต่ส่วนตัวไม่แน่ใจว่าวิกฤติสถาบันการเงินที่เกิดขึ้นในโลกขณะนี้จบลงหรือยัง.