กสิกรไทย ประกาศกำไร 1.07 หมื่นล้านบาท รับมีสัญญาณลูกหนี้รายใหญ่มีปัญหา

Personal Finance

Banking & Bond

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

กสิกรไทย ประกาศกำไร 1.07 หมื่นล้านบาท รับมีสัญญาณลูกหนี้รายใหญ่มีปัญหา

Date Time: 21 เม.ย. 2566 10:15 น.

Video

บรรยง พงษ์พานิช แกะปมเศรษฐกิจไทยโตต่ำ ฟื้นช้า พร้อมแนะทางออก

Latest


ธนาคารกสิกรไทย ได้รายงานกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ว่า ภาวะเศรษฐกิจไทยในไตรมาส 1 ปี 2566 ยังเผชิญข้อจํากัดในการฟื้นตัว เพราะแม้จะมีแรงหนุนจากการทยอยฟื้นตัว ต่อเนื่องของภาคการท่องเที่ยว แต่ภาพรวมการส่งออกสินค้ายังคงปรับตัวลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน จากผลกระทบ ของการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ขณะที่การใช้จ่ายของภาคเอกชนยังคงเติบโตในกรอบจํากัด


สําหรับในช่วงที่เหลือของปี 2566 ยังคงต้องติดตามความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก รวมถึงผลกระทบจากการเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในช่วง ที่ผ่านมา โดยเฉพาะในสหรัฐฯ ซึ่งอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อภาวะเศรษฐกิจถดถอย สถานการณ์ดังกล่าวย่อมมีผลกระทบ และเพิ่มแรงกดดันต่อภาคการส่งออกของไทย และทําให้ภาพรวมการส่งออกของไทยในปีนี้อาจหดตัวลง นอกจากนี้ ผลกระทบ ต่อการใช้จ่ายภายในประเทศจากแรงกดดันด้านต้นทุน ค่าครองชีพ และปัญหาหนี้ครัวเรือนก็ยังคงเป็นปัจจัยที่เพิ่มความ เปราะบางต่อแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยด้วยเช่นกัน ธนาคารและบริษัทย่อยจึงยังคงดําเนินธุรกิจตามหลักความ ระมัดระวังรอบคอบภายใต้ทิศทางภาวะเศรษฐกิจที่ยังมีความไม่แน่นอน รวมทั้งยังคงให้ความช่วยเหลืออย่างต่อเนื่องแก่ลูกค้าที่ ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวไม่เท่ากันผ่านช่องทางต่างๆ ของธนาคาร ผลการดําเนินงานสําหรับไตรมาส 1 ปี 2566 เปรียบเทียบกับไตรมาส 1 ปี 2565


ในไตรมาส 1 ปี 2566 ธนาคารและบริษัทย่อยมีกําไรสุทธิจํานวน 10,741 ล้านบาท ลดลงจากไตรมาสเดียวกันของ ปีก่อน 4.19% โดยกําไรจากการดําเนินงานก่อนหักผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นและภาษีเงินได้มีจํานวน 26,781 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15.32% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นผลจากการเติบโตอย่างแข็งแกร่งของรายได้จากการดําเนินงาน และการบริหารจัดการค่าใช้จ่ายที่มีประสิทธิภาพอย่างสม่ำเสมอ อย่างไรก็ตาม ธนาคารยังคงตั้งสํารองผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่า จะเกิดขึ้น (Expected credit loss : ECL) ตามหลักความระมัดระวัง แม้ว่าจะลดลงจากไตรมาส 4 ปี 2565 แต่เมื่อเทียบกับไตรมาส เดียวกันของปีก่อนมีจํานวนเพิ่มขึ้น เนื่องจากธนาคารมีการบริหารจัดการคุณภาพสินทรัพย์เชิงรุกที่ดําเนินการอย่างต่อเนื่อง


เพื่อรองรับความผันผวนของเศรษฐกิจโลกและปัจจัยแวดล้อมต่างๆ ที่ไม่เอื้ออํานวยต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศ ที่อาจจะส่งผลต่อลูกค้าบางกลุ่มที่ยังมีความเปราะบาง นอกจากนี้ ในไตรมาส 1 ปี 2566 ธนาคารพบว่ามีลูกค้ารายใหญ่รายหนึ่ง ที่คุณภาพหนี้มีสัญญาณความเสื่อมถอย โดยธนาคาร ได้มีสํารองสําหรับหนี้ส่วนนี้ไว้แล้ว อย่างไรก็ตาม ธนาคารอาจพิจารณา ความเหมาะสมในการกันสํารองเพิ่มเติมให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้นอย่างใกล้ชิด

รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น


รายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้น 9.84% สอดคล้องกับภาวะอัตราดอกเบี้ยขาขึ้นและการเติบโตของสินเชื่อใหม่ตาม ยุทธศาสตร์ของธนาคาร โดยอัตราผลตอบแทนสินทรัพย์ที่ก่อให้เกิดรายได้สุทธิ (Net interest margin : NIM) อยู่ที่ระดับ 3.46% แม้ว่าจะมีต้นทุนทางการเงินเพิ่มขึ้นจากอัตราเงินนําส่งกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ที่ปรับตัวสูงขึ้นเป็นอัตราปกติในอัตราร้อยละ 0.46 เบี้ยเพิ่มขึ้น 32.00% หลักๆ จากมูลค่ายุติธรรมของเครื่องมือทางการเงินที่วัดมูลค่าด้วยมูลค่ายุติธรรมผ่านกําไร หรือขาดทุนเพิ่มขึ้นตามภาวะตลาด ค่าใช้จ่ายจากการดําเนินงานอื่นๆ เพิ่มขึ้น 13.82% สอดคล้องกับรายได้ที่เพิ่มตามปริมาณ ธุรกิจ รวมทั้งมีค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับพนักงานเพิ่มขึ้น ส่วนหนึ่งจากมาตรการช่วยเหลือค่าครองชีพซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว ส่งผลให้อัตราส่วนค่าใช้จ่ายจากการดําเนินงานอื่นๆ ต่อรายได้จากการดําเนินงานสุทธิ (Cost to income ratio) อยู่ที่ระดับ 42.50% ใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันของปีก่อน


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ