นาทีทองหุ้นกู้จ่ายดอกเบี้ยสูงเต็มตลาด เตือนอย่าดูแต่ผลตอบแทน ตรวจสอบงบการเงินด้วย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ปัจจุบันมีบริษัทเสนอขายหุ้นกู้ให้อัตราดอกเบี้ยสูงจำนวนมาก โดย บมจ.อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ เสนอขายหุ้นกู้ชั่วนิรันดร์ โดยเสนอจ่ายอัตราดอกเบี้ยระดับ 9.5% ต่อปี บมจ.อารียา พรอพเพอร์ตี้ เสนอขายหุ้นกู้อายุ 4 ปี มูลค่า 1,800 ล้านบาท จ่ายดอกเบี้ย 7.40% ต่อปี บมจ.พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค เสนอขายหุ้นกู้ อายุ 2 ปี มูลค่าเสนอขาย 1,100 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ย 7.25% ต่อปี นอกจากนี้ยังมีหุ้นกู้ที่จ่ายดอกเบี้ยสูงกว่า 7% มากกว่า 10 บริษัท

ดร.ปิยศักดิ์ มานะสันต์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิจัยการลงทุน สายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ ไทยพาณิชย์ จำกัด เปิดเผยกับ Thairathmoney ว่า การเสนอขายหุ้นกู้ของบริษัทเอกชนที่มีอัตราดอกเบี้ยสูง เป็นไปตามทิศทางดอกเบี้ยนโยบายของทั่วโลกที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และทำให้สภาพคล่องในตลาดลดลง ซึ่งบริษัทที่ต้องการระดมทุน หรือต้องการสร้างกระแสเงินสดต้องให้อัตราดอกเบี้ยที่สูงกว่าปกติ ซึ่งในเวลานี้นับเป็นโอกาสของนักลงทุนที่ชื่นชอบหุ้นกู้

“แนวโน้มดอกเบี้ยยังปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตามการปรับดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐ หรือ เฟด ทำให้สภาพคล่องของโลกนั้นลดลง ทำให้บริษัทต้องออกดอกเบี้ยสูงเพื่อดึงดูดใจกับนักลงทุนในการเข้าซื้อหุ้นกู้”

ทั้งนี้เทรนด์ดอกเบี้ยหุ้นกู้หลังจากนี้มองว่าน่าจะใกล้จุดสูงสุดแล้ว ซึ่งหลายบางบริษัทที่ต้องการกระแสเงินสด หรือต้องการใช้เงินระยะสั้นนั้นจำเป็นต้องออกหุ้นกู้และดึงดูดให้ผู้ลงทุนเข้าซื้อให้มากที่สุด โดยเป็นไปแนวทางเดียวกับทิศทางดอกเบี้ยนโยบายที่อาจปรับเพิ่มขึ้นอีกครั้งก่อนที่จะลดลง ดังนั้นช่วงนี้นับเป็นช่วงเวลาทองของนักลงทุนหุ้นกู้ ที่สามารถเลือกลงทุนในหุ้นกู้ที่น่าสนใจได้

อย่างไรก็ตามในการลงทุนหุ้นกู้นั้น บริษัทต้องพิจารณาในหลายส่วน นอกจากอัตราดอกเบี้ยที่บริษัทจ่ายให้แล้ว ยังต้องพิจารณาในด้านปัจจัยพื้นฐานของบริษัทด้วย โดยเฉพาะในด้านอุตสาหกรรมที่ออกหุ้นกู้ อย่างในธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ ที่ผ่านมามีการเติบโตที่ดีจากการที่ธนาคารแห่งประเทศไทย ได้ใช้มาตรการยกเว้น LTV ทำให้เกิดความต้องการบ้านเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่ทิศทางของมาตรการนี้ได้หมดลงไปแล้ว

ซึ่งในการลงทุนในหุ้นกู้ผู้ซื้ออาจต้องพิจารณาในเรื่องความเข้มแข็งของอุตสาหกรรม รวมถึงผลการดำเนินงานของบริษัทมีทิศทางอย่างไร รวมถึงระดับอัตราหนี้สินต่อทุน หรือ D/E ของบริษัทอยู่ที่เท่าไร รวมถึงพิจารณาอันดับเครดิตเรตติ้งประกอบด้วย