“ภากร” ไม่กังวลธนาคารเครดิตสวิส ประสบปัญหา เนื่องจากมีธุรกิจที่เชื่อมโยงกับไทยไม่มากและไม่ได้ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ และตลาดหุ้นไทย ขณะที่ธนาคารพาณิชย์ของไทยยังมีความแข็งแกร่ง แต่ยอมรับว่าขณะนี้ ตลาดหุ้นทั่วโลกรวมทั้งไทยมีความผันผวนและเปราะบาง นักลงทุนต้องติดตามข้อมูล และผลกระทบอย่างใกล้ชิด
นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์ฯ กล่าวถึงกรณีธนาคารเครดิต สวิส (CREDIT SUISSE) ประสบปัญหาวิกฤติสภาพคล่องและเงินทุนว่า เชื่อว่าไม่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทย และธนาคารพาณิชย์ในไทย รวมถึงตลาดหุ้นไทย โดยธนาคารเครดิตสวิสมีธุรกิจหรือธุรกรรมที่เชื่อมโยงกับไทยโดยตรงน้อยมาก ซึ่งปัจจัยที่จะส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นไทย ต้องเกี่ยวข้องต่อการดำเนินธุรกิจในประเทศไทย หรือเกี่ยวข้องกับธุรกิจในไทย แต่กรณีธนาคารเครดิต สวิส ไม่เห็นความสัมพันธ์กับธุรกิจในไทยมากนัก
“เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอาจมีผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของสถาบันการเงินในยุโรป แต่พื้นฐานธนาคารพาณิชย์ของไทยยังแข็งแกร่ง มองว่าปัญหาของธนาคารเครดิต สวิส ไม่น่าจะเข้ามาเพิ่มความวิตกกังวลต่อตลาดหุ้นไทย จึงอยากให้นักลงทุนติดตามข้อมูลข่าวสารและผลกระทบใกล้ชิด”
อย่างไรก็ตาม ภาวะตลาดหุ้นทั่วโลกรวมทั้งไทยมีความเปราะบาง และมีความผันผวน ดังนั้น การให้ข้อมูลข่าวสารกับนักลงทุนเป็นเรื่องสำคัญ เพื่อให้นักลงทุนมีข้อมูลในการตัดสินใจที่ครบถ้วนมากที่สุด ส่วนมาตรการรองรับความผันผวนของตลาด กรณีที่ดัชนีหุ้นปรับตัวขึ้น-ลงแรงนั้น เรามีมาตรการที่เตรียมพร้อมอยู่แล้ว แต่สถานการณ์ขณะนี้ ยังไม่ถึงจุดที่จะต้องนำมาใช้ ซึ่งความเปราะบางของตลาด ไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะกับตลาด หุ้นไทย แต่เกิดขึ้นทั่วโลกอย่างตลาดหุ้นยุโรปก็ปรับขึ้นลง 2-3% ดังนั้น จึงเป็นเหตุผลที่ต้องให้ข้อมูลกับนักลงทุน โดยเฉพาะความไม่แน่นอนและข่าวต่างๆ โดยยืนยันว่า เหตุการณ์ปัญหาที่เกิดขึ้น กระทบกับประเทศไทยน้อยมาก
นายภากร ยังกล่าวถึงกรณีที่มีชื่อธนาคารเครดิต สวิส ถือหุ้นใหญ่ในบริษัทจดทะเบียนไทยหลายบริษัทว่า เป็นการถือหุ้นในฐานะผู้รับฝากหลักทรัพย์ หรือคัสโตเดียม ซึ่งเป็นธุรกิจหนึ่งของเครดิต สวิส เท่านั้น เครดิต สวิส ไม่ได้ถือหุ้นโดยตรง อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ตลาดหลักทรัพย์ยังได้ทำงานร่วมกับนักลงทุนสถาบันต่างประเทศเพื่ออัปเดตข้อมูลและแลกเปลี่ยนข้อมูลกันอย่างต่อเนื่อง รวมถึงทำงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)
นายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) และประธานสมาคมสถาบันการเงินของรัฐ เปิดเผยถึงการปิดตัวลงของธนาคารซิลิคอน วัลเลย์ แบงก์ (Silicon Valley Bank : SVB) และซิกเนเจอร์ แบงก์ (Signature Bank) ในสหรัฐอเมริกา ว่า จากเหตุการณ์ดังกล่าวเชื่อว่ายังไม่ได้ส่งผลกระทบรุนแรง แต่สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเพียงการตื่นตระหนกทั้งฝั่งระบบการเงิน และนักลงทุน ทำให้แนวโน้มตลาดแกว่ง ส่วนตัวคาดว่าภายใน 1-2 สัปดาห์ ผลกระทบของวิกฤติครั้งนี้น่าจะนิ่ง แต่ละประเทศก็จะมีการทำมาตรการเพื่อทำความเข้าใจกับประชาชน และดูแลสถาบันการเงินในประเทศ อย่างไรก็ตามในส่วนของสถาบันการเงินของรัฐก็มีตรึงดอกเบี้ยตลอดทั้งปี 65.