ข้อมูลจากสถาบันคุ้มครองเงินฝากของรัฐบาลสหรัฐฯ (FDIC) เปิดเผยถึงสถิติของธนาคารสหรัฐฯ ที่ปิดตัวลง โดย Thairath Money ได้รวบรวมมาตั้งแต่ช่วงวิกฤติสินเชื่อซับไพรม์ ในปี 2551 จนถึงปัจจุบัน
ปี 2551 มีธนาคารปิดตัว 25 แห่ง สินทรัพย์รวมกว่า 373,588.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ปี 2552 มีธนาคารปิดตัว 140 แห่ง สินทรัพย์รวมกว่า 170,909.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ปี 2553 มีธนาคารปิดตัว 157 แห่ง สินทรัพย์รวมกว่า 96,514.0 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ปี 2554 มีธนาคารปิดตัว 92 แห่ง สินทรัพย์รวมกว่า 36,012.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ปี 2555 มีธนาคารปิดตัว 51 แห่ง สินทรัพย์รวมกว่า 12,055.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ปี 2556 มีธนาคารปิดตัว 24 แห่ง สินทรัพย์รวมกว่า 6,101.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ปี 2557 มีธนาคารปิดตัว 18 แห่ง สินทรัพย์รวมกว่า 3,088.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ปี 2558 มีธนาคารปิดตัว 8 แห่ง สินทรัพย์รวมกว่า 6,727.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ปี 2559 มีธนาคารปิดตัว 5 แห่ง สินทรัพย์รวมกว่า 278.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ปี 2560 มีธนาคารปิดตัว 8 แห่ง สินทรัพย์รวมกว่า 6,530.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ปี 2561 มีธนาคารปิดตัว 0 แห่ง สินทรัพย์รวมกว่า 0 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ปี 2562 มีธนาคารปิดตัว 4 แห่ง สินทรัพย์รวมกว่า 214.1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ปี 2563 มีธนาคารปิดตัว 4 แห่ง สินทรัพย์รวมกว่า 458.0 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ปี 2564 มีธนาคารปิดตัว 0 แห่ง สินทรัพย์รวมกว่า 0 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ปี 2565 มีธนาคารปิดตัว 0 แห่ง สินทรัพย์รวมกว่า 0 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ปี 2566 มีธนาคารปิดตัว 1 แห่ง สินทรัพย์รวมกว่า 209,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
นอกจากนี้ในปีนี้ภายในช่วงไตรมาสแรกมีธนาคารถูกปิดตัวอีกกว่า 2 ราย ซึ่งเป็นธนาคารที่เน้นให้บริการด้านคริปโตฯ ได้แก่ ธนาคาร Silvergate สินทรัพย์รวม 11,360 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และธนาคาร Signature 110,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ข้อมูล ณ สิ้นไตรมาสที่ 4/2565) ดังนั้นเมื่อรวมธนาคารทั้งหมดที่ปิดให้บริการในปีนี้จึงเป็น 3 แห่ง สินทรัพย์รวมกว่า 330,360 ล้านดอลลาร์สหรัฐ.