นางสาวชญาวดี ชัยอนันต์ ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายองค์กรสัมพันธ์และโฆษกธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยถึงผลกระทบจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ล่าสุดอีก 0.75% ว่า ยังเป็นไปตามที่หลายฝ่ายคาดไว้ โดยขณะนี้เฟดมุ่งมั่นดูแลเงินเฟ้ออย่างเต็มที่ก่อน เพื่อไม่ให้เกิดผลเสียต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯในระยะยาว ทั้งนี้ หลังการประชุมอาจเห็นความผันผวนระยะสั้นในตลาดการเงินโลกและไทยบ้าง ซึ่ง ธปท.ได้ติดตามอย่างใกล้ชิด “ส่วนการดำเนินนโยบายการเงินของไทยในระยะต่อไป ต้องพิจารณาให้เหมาะสมกับบริบทของไทย ทั้งแนวโน้มเศรษฐกิจ เงินเฟ้อ และเสถียรภาพระบบการเงิน โดยการดำเนินนโยบายจะมีความยืดหยุ่นให้เหมาะสมกับสถานการณ์และให้ทันกาล ตามที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ได้สื่อสารมาต่อเนื่อง”
ส่วนค่าเงินบาทที่กลับมาอ่อนค่าลงนั้น เป็นผลจากเงินดอลลาร์สหรัฐฯที่กลับมาแข็งค่าขึ้นเทียบกับทุกสกุล โดยช่วงเช้าวันที่ 3 พ.ย.65 ค่าเงินบาทเทียบดอลลาร์สหรัฐฯอ่อนค่าลง 0.8% มาที่ 37.80 บาท จากปิดตลาดวันก่อนที่ 37.58 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ และดัชนีค่าเงินบาท (เทียบสกุลภูมิภาค) ปรับอ่อนลง 0.34% ขณะที่เงินทุนเคลื่อนย้าย ยังไม่พบสัญญาณผิดปกติ ทั้งนี้ นับตั้งแต่ต้นปีถึงวันที่ 2 พ.ย.65 เงินบาทเทียบดอลลาร์สหรัฐฯอ่อนค่าลง 11% ถือว่าอ่อนในระดับกลางๆ เทียบกับสกุลเงินในภูมิภาค ส่งผลให้ดัชนีค่าเงินบาทอ่อนลงเพียง 0.7% สำหรับนักลงทุนต่างชาติยังมีฐานะเป็นซื้อสุทธิในสินทรัพย์ไทยราว 1.1 แสนล้านบาท โดยซื้อสุทธิในตลาดหุ้นกว่า 160,000 ล้านบาท และขายสุทธิในตลาดพันธบัตรที่ 50,000 ล้านบาท ทั้งนี้ ธปท.ได้ติดตามการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทและเงินทุนเคลื่อนย้ายใกล้ชิด ภาคเอกชนควรบริหารความเสี่ยงสม่ำเสมอ เพื่อลดผลกระทบจากความผันผวนของตลาดการเงินที่ยังมีความไม่แน่นอนสูง.