“บิ๊กตู่” เกาะติดตลาดเงิน-ทุนผันผวน “คลัง” ยันเศรษฐกิจไทยไม่สะดุดจับมือ ธปท.ดูแล

Personal Finance

Banking & Bond

กองบรรณาธิการ

Author

กองบรรณาธิการ

Tag

“บิ๊กตู่” เกาะติดตลาดเงิน-ทุนผันผวน “คลัง” ยันเศรษฐกิจไทยไม่สะดุดจับมือ ธปท.ดูแล

Date Time: 5 ต.ค. 2565 06:55 น.

Summary

  • รมว.คลัง รายงานนายกฯเกาะติดสถานการณ์ตลาดเงินตลาดทุน หวั่นเฟดทุบเศรษฐกิจโลก ย้ำจับมือแบงก์ชาติติดตามสถานการณ์ใกล้ชิด ด้านผู้ว่า ธปท.ยืนยันเศรษฐกิจไทยโตไม่สะดุด

Latest

ชัชวาลย์ เจียรวนนท์ ส่ง Lightnet จับมือ WeLab ฟินเทคฮ่องกง ลงสนามชิงใบอนุญาตฯ Virtual Bank

รมว.คลัง รายงานนายกฯเกาะติดสถานการณ์ตลาดเงินตลาดทุน หวั่นเฟดทุบเศรษฐกิจโลก ย้ำจับมือแบงก์ชาติติดตามสถานการณ์ใกล้ชิด ด้านผู้ว่า ธปท.ยืนยันเศรษฐกิจไทยโตไม่สะดุด ยันบาทอ่อนยวบไม่ได้แสดงว่าเสถียรภาพอ่อนแอ เงินนอกยังไหลเข้า รับเข้าแทรกแซงบาทเมื่อผันผวน แต่ไม่ฝืนตลาด

น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง ได้รายงานให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ทราบถึงความเคลื่อนไหวของตลาดเงินและตลาดทุนในประเทศ หลังจากตลาดมีความผันผวนจากความกังวลต่อกรณีคณะผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ได้มีการประชุมแบบปิด (Closed Meeting) ในวันที่ 3 ต.ค.ที่ผ่านมา เพื่อทบทวนและตัดสินใจอัตราดอกเบี้ยล่วงหน้าและดอกเบี้ยมาตรฐานก่อนการประชุม คณะกรรมการนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) ที่จะมีขึ้นในวันที่ 1 พ.ย.65 โดยผลของความกังวลดังกล่าวส่งผลให้เมื่อวันที่ 3 ต.ค.65 ดัชนีหุ้นไทยปรับตัวลดลงประมาณ 31 จุด และฟื้นตัวกลับมาบวกเกือบ 20 จุดในภาคเช้าของวันที่ 4 ต.ค.65 หลังจากที่ผลการประชุมคณะผู้ว่าการเฟดไม่ได้ส่งสัญญาณใดๆเกี่ยวกับนโยบายดอกเบี้ย

ทั้งนี้ แม้ว่าขณะนี้เป็นระยะที่เศรษฐกิจไทยอยู่ในช่วงการฟื้นตัว แต่รัฐบาลได้ติดตามในทุกปัจจัยที่อาจจะกระทบการฟื้นตัวดังกล่าว ไม่ว่าจะเป็น ปัจจัยจากภาคเศรษฐกิจจริง หรือตลาดเงินตลาดทุน ซึ่งในส่วนของตลาดเงินและตลาดทุนนี้ กระทรวงการคลังได้ประสานกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ในการติดตามปัจจัยที่มาจากต่างประเทศ การเคลื่อนย้ายเงินทุนของนักลงทุน และมีการรายงานให้นายกรัฐมนตรีทราบอย่างต่อเนื่อง

“รมว.คลังรายงานสถานการณ์ล่าสุดให้นายกรัฐมนตรีทราบว่า ขณะนี้มีหลายปัจจัยที่ทำให้ตลาดเงิน ตลาดทุนผันผวน ทั้งการประชุมแบบปิดของเฟดเมื่อวันที่ 3 ต.ค.65 รวมถึงข่าวลือเกี่ยวกับสถาบันการเงินขนาดใหญ่ในต่างประเทศ แต่วันนี้ดัชนีหุ้นไทยได้รีบาวน์กลับมาแล้วเกือบ 20 จุด โดยต้องติดตามต่อไป แต่ในเบื้องต้นคาดว่าจะไม่ส่งผลต่อเศรษฐกิจโดยรวมของไทย”

วันเดียวกัน นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้กล่าวปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ The Shape of Growth in The Future นโยบายด้านการเงินกับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจสู่ความยั่งยืน ภายในงานสัมมนา “Thailand Economic Outlook 2023” ว่า เศรษฐกิจไทยในปีนี้มีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่องจากความ ต้องการใช้จ่ายในประเทศที่ฟื้นตัว และภาคท่องเที่ยว ที่คาดการณ์ว่านักท่องเที่ยวปี 2565 อยู่ที่ 9.5 ล้านคน และเพิ่มเป็น 21 ล้านคน ในปี 2566 รายได้แรงงานปรับดีขึ้น รายได้เกษตรกร รายได้นอกภาคเกษตรเติบโตต่อเนื่อง

“ปีนี้คาดว่าเศรษฐกิจไทยจะขยายตัวได้ 3.3% และเพิ่มเป็น 3.8% ในปี 66 โดยเศรษฐกิจไทยจะกลับไปสู่ระดับก่อนการระบาดของไวรัสโควิด-19 ได้ในช่วงปลายปีนี้ หรือต้นปี 66 ขณะที่อัตราเงินเฟ้อคาดว่าจะคลี่คลายในปี 66 เช่นกัน และคาดว่าจะกลับเข้าสู่กรอบเป้าหมายของเงินเฟ้อที่ 1-3% ได้ในกลางปี ขณะที่ปีนี้คาดว่าเงินเฟ้อทั่วไปจะอยู่ที่ 6.3% ทั้งนี้ สิ่งที่ ธปท.กังวล คือ เงินเฟ้อพื้นฐาน เพราะจะสะท้อนว่า เครื่องยนต์เงินเฟ้อติดหรือไม่ โดยที่ผ่านมา เราเห็นตัวเลขเงินเฟ้อพื้นฐานวิ่ง และวิ่งขึ้นในอัตราที่เร็วขึ้น โดย ธปท.คาดว่าปีนี้เงินเฟ้อพื้นฐานจะอยู่ที่ 2.6% และปีหน้าอยู่ที่ 2.4% ซึ่งตัวนี้ ธปท.จะติดตามอย่างใกล้ชิด”

ผู้ว่าการ ธปท. ยืนยันด้วยว่า ปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายของ ธปท.ไม่ได้ช้าและน้อยเกินไป เนื่องจากเศรษฐกิจไทยฟื้นช้าเทียบต่างประเทศ และยังมีกลุ่มเปราะบาง ซึ่งต้องดูแลด้วยมาตรการเฉพาะจุด ส่วนค่าเงินบาทที่อ่อนค่าต่อเนื่องนั้น เป็นเพราะค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯที่แข็งค่า โดยปัจจุบันค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าแล้ว 17-18% ขณะที่เงินบาทอ่อนค่า 12% และการอ่อนค่าของเงินบาทโดยรวมไม่ได้ผิดเพี้ยนจากภูมิภาค ขณะที่ส่วนต่างดอกเบี้ยไทยกับสหรัฐฯที่กว้างขึ้นไม่ได้ทำให้เงินทุนต่างประเทศไหลออก โดยตั้งแต่ต้นปีไทยยังมีเงินทุนไหลเข้าสุทธิ 3,500 ล้านดอลลาร์

“ค่าเงินบาทที่ไปถึง 38 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ ไม่ได้เกิดจากการขาดเสถียรภาพของเศรษฐกิจไทย โดยปัจจุบันเสถียรภาพของไทยอยู่ในระดับแข็งแกร่ง ทุนสำรองเมื่อเทียบกับต่างประเทศอยู่ในระดับสูง โดยอยู่ในอันดับ 12 ของโลกและคาดการณ์ว่าดุลบัญชีเดินสะพัดจะกลับมาเกินดุลในปีหน้า”

ต่อข้อถามที่ว่า ธปท.เข้าไปดูแลค่าเงินหรือไม่ นายเศรษฐพุฒิกล่าวว่า มีบ้าง เมื่อเห็นความผันผวนแรงเกินไป แต่ไม่ได้เข้าไปเพื่อฝืนทิศทางตลาด เพราะเรารู้ว่าทำไม่ได้ ค่าเงินบาทมาจากดอลลาร์แข็ง เราควบคุมการแข็งอ่อนของเงินดอลลาร์ไม่ได้ และเราเคยมีบทเรียนจากปี 40 ที่ไปฝืนตลาดมากจะมีความเสี่ยงมากมาย.


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ