"สารัชถ์ รัตนาวะดี" ระบุขึ้นดอกเบี้ยกระทบหนี้ครัวเรือน ส่วนธุรกิจขนาดใหญ่มีเครื่องมือรับมืออยู่แล้ว เชื่อไม่หนักเท่าวิกฤติต้มยำกุ้ง ชี้หลัง 30 ก.ย. ทุกอย่างจะดีขึ้น ประเทศไทยอนาคตยังสดใส
เมื่อวันที่ 23 ก.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสารัชถ์ รัตนาวะดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการ บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) ผู้ทำธุรกิจด้านพลังงาน และประธาน บริษัท สโตนฮิลล์ เอสเตส จำกัด ผู้ทำธุรกิจสนามกอล์ฟมาตรฐานระดับโลกชื่อ "สโตนฮิลล์" (Stonehill) กล่าวระหว่างนำคณะสื่อมวลชนเข้าเยี่ยมชมสนามกอล์ฟสโตนฮิลล์ เกี่ยวกับประเด็นการขึ้นดอกเบี้ยว่า การขึ้นดอกเบี้ยกระทบหนี้ครัวเรือน บริษัทใหญ่จะมีเครื่องมือต่างๆ รับมือ รายย่อยจะกระทบมากกว่า ขณะที่กลุ่มธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม หรือเอสเอ็มอี ก็น่าเป็นห่วง ซึ่งหวังว่า ดอกเบี้ยเงินฝากจะขึ้นด้วย จะทำให้ช่องว่างระหว่างดอกเบี้ยเงินกู้และเงินฝากลดลงพอจะช่วยได้
ทั้งนี้ ธุรกิจจะต้องมีการปรับตัว ทั้งในเรื่องดอกเบี้ย ซึ่งเป็นทิศทางขาขึ้นทั่วโลกและในประเทศ รวมทั้งในเรื่องของเงินเฟ้อ อย่างไรก็ตาม ในประเทศหากไม่ขึ้นดอกเบี้ยจะแย่ แต่จะไม่ถึงขั้นวิกฤติเหมือนครั้งก่อน (วิกฤติต้มยำกุ้ง ซึ่งคือ วิกฤติทางการเงินในเอเชียปี พ.ศ. 2540 เร่ิมต้นจากประเทศไทย)
นายสารัชถ์ กล่าวต่อว่า กรณีการกู้เงินของรัฐบาลนั้น กู้เป็นสกุลบาท ต้องยอมรับว่า รัฐบาลเตรียมตัว เป็นความรอบคอบ ไม่เช่นนั้น อาจจะถูกโจมตีค่าเงินบาทแบบครั้งก่อน ทำให้ครั้งนี้รับมือแต่เพียงเรื่องดอกเบี้ย อย่างไรก็ตาม ทั้งหมดเป็นไปตามสถานการณ์โลก
สำหรับธุรกิจต้องรับมืออย่างไรนั้น ทุกคนต้องปรับตัว เพราะยุคดอกเบี้ยถูกไม่มีแล้ว นักธุรกิจต้องปรับตัวกัน แต่เป็นห่วงภาคครัวเรือนที่ไม่มีเครื่องมือ ส่วนการดิสรัปชันทางธุรกิจต่างๆ นั้น เป็นเรื่องธรรมดา
ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการ บริษัท กัลฟ์ฯ กล่าวอีกว่า ในส่วนของบริษัทฯ มีการเตรียมรับมืออยู่แล้ว สำหรับเรื่องหุ้นกู้ สำหรับกัลฟ์ไม่มีออกมาอีกแล้ว เพราะเต็มแล้ว ตลาดไม่รองรับ ซึ่งได้ออกหุ้นกู้ไปแล้วก่อนดอกเบี้ยขึ้น
อย่างไรก็ตาม กรณีราคาพลังงานสูงขึ้นและใช้ผลิตไฟฟ้ามีการรับมืออย่างไรนั้น กัลฟ์ยังพยายามบริหารจัดการ ต่างประเทศราคาขึ้นมาก ต้องหาทางเลือกอื่นๆ คิดว่าเป็นสถานการณ์ระยะสั้น เป็นจากสงครามรัสเซียยูเครน มีการพูดกันว่า ถ้าสงครามจบพลังงานจะล้นโลก เพราะหลายๆ ประเทศในยุโรปเร่ิมกลับไปใช้ถ่านหินและนิวเคลียร์ เป็นต้น แต่ต้องดูต้นทุนด้วย
ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการ บริษัท กัลฟ์ฯ กล่าวถึงแผนการลงทุนจากนี้ว่า แผนการลงทุนพลังงานจะเน้นด้านยุโรป สหรัฐฯ มากขึ้น เพราะนโยบายมั่นคง ไม่เปลี่ยนแปลงมาก มากกว่าจะเน้นทางเอเชีย โดยการลงทุนนั้น จะเป็นพลังงานหมุนเวียน
เมื่อถามว่า เมืองไทยอนาคตยังสดใสหรือไม่ นายสารัชถ์ กล่าวว่า รอหลัง 30 ก.ย. 2565 ก่อน เมืองไทยอนาคตยังสดใส ทุกอย่างจะดีขึ้นหลัง 30 ก.ย. ทั้งนี้ ประเทศไทยภาพรวมยังโอเค ผ่านสถานการณ์ต่างๆ ก็ยังไปได้ มีการเติบโต ถ้าการเมืองมีความมั่นคงแข็งแรงก็ไปได้ดี เมืองไทยจะมีความน่าอยู่.