นายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ในฐานะประธานกรรมการสมาคมสถาบันการเงินของรัฐ เปิดเผยว่า เร็วๆนี้ สมาคมสถาบันการเงินของรัฐจะส่งหนังสือถึงกระทรวงการคลัง เพื่อขอขยายเวลาลดเงินนำส่งเข้ากองทุนพัฒนาระบบสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐทั้ง 4 แห่ง
ประกอบด้วย ธนาคารออมสิน ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) และธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย จาก 0.25% ของเงินฝากที่ได้รับจากประชาชนเหลือ 0.125% ต่อไปอีก 1 ปี หรือสิ้นสุดปี 66 จากเดิมสิ้นสุดปี 65 เพื่อลดต้นทุนการเงินให้สามารถเข้าไปดูแลลูกค้าเงินกู้ โดยเฉพาะรายย่อยและผู้มีรายได้น้อย ไม่เช่นนั้นอาจมีผลกระทบต่อลูกค้า โดยเฉพาะอัตราการผ่อนชำระของลูกค้าที่อาจสูงขึ้น “ข้อเสนอนี้เพื่อเป็นการช่วยเหลือประชาชน ที่อาจได้รับผลกระทบจากดอกเบี้ยที่กำลังสูงขึ้น เนื่องจากหากมาตรการนี้สิ้นสุดลงปีนี้ และไม่ขยายต่อ อาจทำให้สถาบันการเงินรัฐไม่สามารถดูแลลูกค้าเงินกู้ทั้งส่วนบุคคลและภาคธุรกิจได้ โดยเฉพาะเมื่อดอกเบี้ยกำลังเข้าสู่ขาขึ้น”
นายฉัตรชัยกล่าวว่า ส่วนโครงการบ้านล้านหลัง ขณะนี้เหลือวงเงิน 4,500 ล้านบาท เดือน ส.ค.นี้ จะเสนอให้บอร์ด ธอส. เสนอคลังให้ขยายเพิ่มวงเงินอีก 20,000 ล้านบาท แต่ดอกเบี้ยอาจไม่ใช่คงที่ 1.99%
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการตรวจสอบงบการเงินปี 64 พบว่า กองทุนพัฒนาระบบสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐมีสินทรัพย์อยู่ที่ 28,000 ล้านบาท มีรายได้จากการนำส่งเงินของธนาคารรัฐอยู่ที่ 6,715 ล้านบาท หากมีการเพิ่มอัตราเงินนำส่งกองทุนฯกลับไปเป็น 0.25% ของเงินฝากที่ได้รับจากประชาชน จะทำให้ธนาคารรัฐมีภาระเงินนำส่งเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว 5,000-6,000 ล้านบาท เป็นต้นทุนสำคัญและอาจทำให้ธนาคารรัฐเข้าไปช่วยเหลือลูกค้าได้ลดลง.