นายจิตติ ตั้งสิทธิ์ภักดี นายกสมาคมค้าทองคำ เปิดเผยถึงทิศทางราคาทองคำหลังธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ในการประชุมครั้งล่าสุดว่า ไม่มีผลกดดันต่อราคาทองคำ เห็นได้จากราคาทองในตลาด SPOT ที่ซื้อขายล่าสุด ยังคงปรับตัวขึ้นได้ ซึ่งปกติการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยถือเป็นปัจจัยกดดันต่อราคาทองคำโดยตรง โดยสาเหตุที่ทองคำไม่ตอบรับกับการขึ้นดอกเบี้ยครั้งนี้มาจาก 2 ปัจจัยหลัก คือ ตลาดได้รับรู้ทิศทางดอกเบี้ยที่เป็นขาขึ้นมาก่อนหน้านี้แล้ว เพราะเฟดส่งสัญญาณการขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายมาตลอด อีกปัจจัยคือ หลังการขึ้นดอกเบี้ย 0.75% ครั้งนี้ เฟดยังมีแนวโน้มจะขึ้นดอกเบี้ยต่ออีกจนสูงกว่า 3% ในปีนี้ เป็นสัญญาณที่ชี้ชัดว่าเงินเฟ้อสหรัฐฯยังคงอยู่ในระดับสูง ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยหนุนให้นักลงทุนเข้ามาลงทุนในตลาดทองคำต่อไป เพื่อลดความเสี่ยงจากเงินเฟ้อ
“ขณะนี้นักลงทุนโฟกัสที่เงินเฟ้อสูงมากกว่าดอกเบี้ย เพราะเฟดบอกมาตลอดว่าจะขึ้นดอกเบี้ยแรง ตลาดทองคำรับข่าวมาตั้งแต่ต้นปีแล้ว ในทางกลับกันการขึ้นดอกเบี้ยแรงถือเป็นสัญญาณว่าเงินเฟ้อรอบนี้สูงมากจริงๆ ซึ่งเงินเฟ้อสูงกลับเป็นผลบวกต่อราคาทองคำโดยตรง เพราะลงทุนทองคำช่วยลดผลกระทบจากเงินเฟ้อสูงได้”
นายจิตติกล่าวต่อว่า ส่วนปัจจัยในประเทศที่คาดว่าคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะปรับขึ้นดอกเบี้ยตามเฟด เพื่อลดส่วนต่างดอกเบี้ยลง คาดว่าไม่มีผลต่อราคาทองคำในประเทศมากนัก เพราะตลาดรับรู้ไปแล้วเช่นกัน แต่กลับมีปัจจัยบวกจากค่าเงินบาทที่อ่อนค่ามากกว่า ซึ่งมองว่าเงินบาทยังอ่อนค่าได้อีกและอาจไปถึง 36 บาท/ดอลลาร์ หากเฟดยังขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่องในช่วงที่เหลือของปี ซึ่งเงินบาทที่อ่อนค่าทุกๆ 1 บาท/ดอลลาร์ จะมีผลต่อราคาทองคำในประเทศสูงขึ้นราว 800 บาทต่อ 1 บาททองคำ กลยุทธ์การลงทุนช่วงนี้ แนะทยอยสะสมทองคำได้ เพราะแนวโน้มราคายังขึ้นต่อ และมีโอกาสไปถึงแนวต้านที่ 31,000 บาท ส่วนแนวรับอยู่ที่ 30,000 บาท.