คริปโตดิ่งเหวไม่กระทบเศรษฐกิจ ครม.ดันแผนพัฒนาทักษะการเงินคนไทย

รัฐบาลประเมินคริปโตดิ่งไม่กระทบเศรษฐกิจภาพรวม เพราะขนาดเงินลงทุนยังน้อยเมื่อเทียบการลงทุนในหุ้น เตือนบ่อยแล้วเสี่ยงเพราะผันผวนมาก ขณะที่ราคาบิทคอยน์ยังดิ่งเหวต่อ ร่วงทำจุดต่ำสุดใหม่ 20,000 เหรียญสหรัฐฯ ด้าน ครม. เห็นชอบแผนปฏิบัติการด้านการพัฒนาทักษะทางการเงิน รับลูกปีแห่งการแก้หนี้ครัวเรือน

นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พลังงาน กล่าวถึงสถานการณ์การปรับลดลงของราคาสินทรัพย์ดิจิทัลในขณะนี้ว่า ในการลงทุนเรื่องสินทรัพย์ดิจิทัลมีคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กำกับดูแลอยู่ ที่ผ่านมารัฐบาลก็ได้มีการเตือนถึงความเสี่ยงในการลงทุนในสินทรัพย์ประเภทนี้มาเป็นระยะๆเพราะมีความผันผวนสูงมาก แต่ในเรื่องของการตัดสินใจลงทุนนั้นเป็นสิ่งที่นักลงทุนต้องประเมินความเสี่ยงด้วยตัวเอง “ขณะนี้ยังไม่เห็นสัญญาณถึงผลกระทบกับภาพรวมเศรษฐกิจ เพราะแม้จะมีคนเข้าไปลงทุนมาก แต่ปริมาณเงินลงทุนไม่มาก ทำให้ยังไม่กระทบกับการออมหรือการใช้จ่ายในภาพรวมของประเทศ ปริมาณเงินที่หายไปจากการปรับลดของสินทรัพย์ประเภทนี้ ยังไม่มากเมื่อเทียบกับการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์”

ทั้งนี้ เว็บไซต์สยามบล็อกเชนรายงานเมื่อวันที่ 14 มิ.ย.2565 ว่า ดัชนี Crypto Fear and Greed ซึ่งเป็นตัวชี้วัดความเชื่อมั่นของตลาดคริปโตได้ร่วงแตะเลขหลักหน่วยที่ระดับ 8 หรือโซน “Extreme fear” กลัวสุดขีดเป็นครั้งแรก นับตั้งแต่เกิดวิกฤตการณ์แพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 ในเดือน มี.ค.2563 โดยสัญญาณดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากที่ราคาบิทคอยน์ (Bitcoin) สกุลเงินดิจิทัลยอดนิยมที่แข็งแกร่งที่สุด ร่วงทำจุดต่ำสุดใหม่ในวันที่ 14 มิ.ย.2565 ที่ระดับ 20,000 เหรียญสหรัฐฯ จากระดับ 28,000 เหรียญฯ ในการซื้อขายเมื่อวันที่ 13 มิ.ย.

นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) กล่าวว่า ในมุมส่วนตัวก็มองว่าสินทรัพย์เหล่านี้มีความผันผวนมาก และขณะนี้ดอกเบี้ยธนาคารกลางสหรัฐฯ ปรับขึ้นชัดเจน ทำให้สินทรัพย์เสี่ยงปรับลดลงมาก คนที่ลงทุนในหุ้นก็ยังเจ็บตัวมาก ดังนั้นสิ่งที่รัฐบาลควรทำมากขึ้นคือสอนในเรื่องของการให้ความรู้ทางการเงินกับประชาชน โดยเฉพาะเรื่องของการประเมินความเสี่ยงก่อนการลงทุน

ด้านคุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รมช.ศึกษาธิการ กล่าวว่า ที่ผ่านมาการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลนั้นเป็นประเด็นที่ได้รับความสนใจมาก ในสถานศึกษาหลายแห่งมีการเปิดหลักสูตรเรื่องของการสอนลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลโดยเฉพาะ ซึ่งอาจเป็นการส่งเสริมเรื่องการลงทุนในเรื่องนี้ ต่อไปกระทรวงศึกษาธิการต้องมาเน้นการสอนในภาพรวมของการวางแผนทางการเงินโดยรวม และสอนเรื่องการประเมินความเสี่ยงในการลงทุน ซึ่งเป็นประเด็นที่ ครม.หารือกันในเรื่องของแผนปฏิบัติการด้านการพัฒนาทักษะทางการเงินของประชาชน ซึ่งเน้นการนำไปใช้ได้จริง

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เห็นชอบร่างแผนปฏิบัติการด้านการพัฒนาทักษะทางการเงิน พ.ศ.2565-2570 ประกอบด้วย 8 มาตรการ 19 แผนงาน มีเป้าหมายที่ให้คนไทยตระหนักรู้ถึงความสำคัญของการบริหารจัดการเงินและเข้าถึงข้อมูลทางการเงิน “ครม.คาดหวังว่าคนไทยจะมีระดับทักษะทางการเงินสูงขึ้นในทุกด้านและเพียงพอสำหรับการบริหารจัดการเงินอย่างเหมาะสมในแต่ละกลุ่มเป้าหมาย มีการก่อหนี้และภาระหนี้ที่ไม่จำเป็นลดลง ออมเพิ่มขึ้นและมีการออมตามแผนทางการเงินและเป้าหมายในแต่ละกลุ่มเป้าหมาย รวมทั้งมีภูมิคุ้มกันต่อความเสี่ยง และแรงกดดันทางการเงิน ผ่านการวางแผนทางการเงินที่เหมาะสมตามแต่ละกลุ่มเป้าหมาย ทั้งยังมีทักษะด้านการเงินดิจิทัล มีความรู้ความเข้าใจและสามารถใช้ประโยชน์จากการเงินดิจิทัลได้ รวมทั้งสามารถป้องกันและจัดการกับความเสี่ยงหรือภัยที่เกิดจากการเงินดิจิทัลได้อย่างเหมาะสม ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของภาครัฐที่ได้กำหนดเป้าหมายปี 2565 เป็น “ปีแห่งการแก้หนี้ภาคครัวเรือน”.