นางรุ่ง มัลลิกะมาส ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายนโยบายสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ภายใต้แนวนโยบายภูมิทัศน์ใหม่ภาคการเงินไทยเพื่อเศรษฐกิจดิจิทัลและการเติบโตอย่างยั่งยืน ธนาคารพาณิชย์ได้มีการปรับโครงสร้างกลุ่มธุรกิจทางการเงินและให้ความสนใจกับการเพิ่มบทบาทในธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลมากขึ้น ธปท.จึงได้ปรับปรุงเกณฑ์ให้มีความยืดหยุ่นมากขึ้นและยกระดับการกำกับให้สอดคล้องกับความเสี่ยงที่เปลี่ยนไป
1.ยกเลิกเพดานการลงทุนในธุรกิจเทคโนโลยีทางการเงิน (FinTech) จากเดิมกำหนดไว้ที่ 3% ของเงินกองทุน เพื่อให้ธนาคารพาณิชย์ใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีได้มากขึ้น
2.ให้บริษัทในกลุ่มธนาคารพาณิชย์ลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับสินทรัพย์ดิจิทัลได้ภายใต้เพดานที่ 3% ของเงินกองทุน เพื่อให้การขยายตัวเป็นไปอย่างค่อยเป็นค่อยไป ช่วยจำกัดความเสี่ยงใหม่ๆที่อาจกระทบความเชื่อมั่น และเมื่อมีมาตรฐานการที่เป็นสากลหรือมีแนวทางการบริหารความเสี่ยงที่ชัดเจนเพียงพอ จะสามารถปรับเพิ่มหรือยกเลิกเพดานการลงทุนที่กำหนดได้ เช่นเดียว FinTech
3.หากธนาคารพาณิชย์ยกระดับมาตรฐานของกิจการสินทรัพย์ดิจิทัลที่ลงทุนให้เป็นไปตามที่กำหนดได้ เช่น เรื่องธรรมาภิบาลการดูแลความเสี่ยงระบบงาน และการคุ้มครองผู้ใช้บริการ ธปท.จะอนุญาตให้ไม่นับเงินลงทุนของกิจการนั้นในเพดานการลงทุน เพื่อสร้างแรงจูงใจในการยกระดับมาตรฐานธุรกิจ
4.สำหรับธุรกิจที่ยังมีความเสี่ยงหรือยังไม่มีหน่วยงานกำกับดูแลให้ดำเนินงานในกรอบ Sandbox ได้ในวงจำกัดก่อน
5.ให้ธนาคารพาณิชย์จำกัดความเสี่ยงจากความเชื่อมโยงที่อาจเกิด เพื่อให้การทำธุรกิจใหม่ๆไม่กระทบผู้ฝากเงินและระบบการเงิน.