ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และสมาคมธนาคารไทย ได้ออกแถลงการณ์ร่วมมาตรการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ให้เป็นไปอย่างยั่งยืนในระยะยาว ว่า จากสถานการณ์โควิด-19 ซึ่งมีแนวโน้มยืดเยื้อ ทำให้การแก้ไขปัญหาหนี้ระยะสั้นแบบเดิมอาจไม่ตอบโจทย์ ทั้งสองหน่วยงานจึงเห็นร่วมกันที่จะผลักดันการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ให้เป็นไปในระยะยาวมากขึ้น โดยสอดคล้องกับคาดการณ์รายได้ของลูกหนี้แต่ละราย เช่น ช่วงที่รายได้ยังไม่กลับมา ภาระการชำระหนี้ก็ควรอยู่ในระดับต่ำแล้วทยอยปรับเพิ่ม แต่ไม่ใช่การเลื่อนหรือพักชำระหนี้ชั่วคราว
ส่วนกระแสข่าวเรื่องการสั่งปรับลดเงินต้นและดอกเบี้ย (แฮร์คัต) นั้น ยืนยันว่า ทั้งสองหน่วยงาน ได้หารืออย่างใกล้ชิด และเห็นตรงกันว่าควรเร่งผลักดันให้มาตรการต่างๆที่ออกมาช่วยเหลือประคับประคองลูกหนี้ที่ประสบปัญหาได้จริง ภายใต้หลักการสำคัญ คือ ลูกหนี้ที่ได้รับความเดือดร้อนสมควรได้รับความช่วยเหลือมากที่สุดและสอดคล้องกับปัญหา แต่จะต้องไม่สร้างแรงจูงใจให้กับลูกหนี้ที่ไม่ได้รับผลกระทบให้หยุดชำระหนี้ (moral hazard)
นายรณดล นุ่มนนท์ รองผู้ว่าการ ด้านเสถียรภาพระบบสถาบันการเงิน ธปท. กล่าวเพิ่มเติมว่า เพื่อให้การส่งผ่านความช่วยเหลือเพิ่มเติมให้แก่ลูกหนี้ในภาวะวิกฤติ ธปท.ได้พิจารณาปรับกฎเกณฑ์การกำกับดูแลให้เอื้อต่อการให้ความช่วยเหลือต่างๆของสถาบันการเงินมาอย่างต่อเนื่อง ขณะที่นายผยง ศรีวณิช ประธานสมาคมธนาคารไทย กล่าวว่า ธนาคารจะเร่งนำมาตรการช่วยเหลือนี้ไปเป็นแนวทางช่วยเหลือลูกหนี้ โดยแต่ละธนาคารจะไปออกมาตรการเพื่อเป็นทางเลือก (Product program) โดยปรับปรุงโครงสร้างหนี้ ให้สอดคล้องกับปัญหาของลูกหนี้แต่ละกลุ่ม.