จัดสรรเงิน 77 จังหวัดทั่วประเทศ ทุ่ม 4.5 หมื่นล้าน เดินหน้าเศรษฐกิจฐานราก

Personal Finance

Banking & Bond

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

Tag

จัดสรรเงิน 77 จังหวัดทั่วประเทศ ทุ่ม 4.5 หมื่นล้าน เดินหน้าเศรษฐกิจฐานราก

Date Time: 19 เม.ย. 2564 06:05 น.

Summary

  • สศช.ชี้วงเงินกู้ 1 ล้านล้านเบิกจ่ายไปแล้ว 78% ปัจจุบันเหลือวงเงิน 240,000 ล้านบาท ในส่วนนี้เป็นเงินฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม 214,000 ล้านบาท เตรียมเดินหน้าโครงการเศรษฐกิจฐานราก 45,000 ล้านบาท

Latest

ปลดล็อกเรื่องภาษี!

สศช.ชี้วงเงินกู้ 1 ล้านล้านเบิกจ่ายไปแล้ว 78% ปัจจุบันเหลือวงเงิน 240,000 ล้านบาท ในส่วนนี้เป็นเงินฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม 214,000 ล้านบาท เตรียมเดินหน้าโครงการเศรษฐกิจฐานราก 45,000 ล้านบาท ให้แต่ละจังหวัด ทั้ง 77 จังหวัดเสนอโครงการเข้ามา โดยจะจัดสรรเงินให้จังหวัดละ 500-700 ล้านบาท ส่วนโครงการคนละครึ่งเฟส 3 ยังไม่มีการหารือ รอประเมินสถานการณ์และประเมินผลโครงการเราชนะก่อน

นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ในฐานะประธานคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ เปิดเผยว่า จากวงเงินกู้ 1 ล้านล้านบาท ตามพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ปัญหา เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ.2563 มีการเบิกจ่ายไปแล้ว 78% ของวงเงิน จนถึงปัจจุบันนี้มีวงเงินเหลือที่ยังไม่ได้อนุมัติ 240,000 ล้านบาท แบ่งเป็นวงเงินตามแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม 216,000 ล้านบาท วงเงินด้านสาธารณสุข 19,000 ล้านบาท และวงเงินเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบ 4,100 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม วงเงินฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่เหลืออยู่ 216,000 ล้านบาท เมื่อปลายเดือน พ.ย.2563 ได้อนุมัติในหลักการที่จะใช้ในโครงการเศรษฐกิจฐานราก 45,000 ล้านบาท ซึ่งจะเริ่มเดินหน้าอนุมัติให้ทั้ง 77 จังหวัด จังหวัดละประมาณ 500-700 ล้านบาทในเร็วๆนี้ โดยได้ประชุมกับผู้ว่าราชการทุกจังหวัดให้เตรียมการเสนอโครงการผ่านทางรัฐมนตรีที่กำกับดูแลจังหวัด เพื่อส่งผ่านไปที่กระทรวงมหาดไทยและส่งมาให้ สศช.เห็นชอบอีกครั้งก่อนนำเสนอคณะรัฐมนตรีอนุมัติ ซึ่งโครงการนี้ล่าช้าไปจากเดิมที่ตั้งใจเริ่มในเดือน ม.ค.2564 แต่ในช่วงนั้นชะงักไปจากการระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่ใน จ.สมุทรสาคร ตอนนี้เหลือเวลาเบิกจ่าย 6 เดือน จึงต้องเร่งเดินหน้า ซึ่งทางกรมบัญชีกลางได้ปรับการจัดซื้อจัดจ้าง และการเบิกจ่ายให้คล่องตัวขึ้น ซึ่งโครงการที่จะทำนี้ต้องตรงกับความต้องการของพื้นที่ ซึ่งทราบว่าบางจังหวัดได้เตรียมการไว้แล้ว

ดังนั้น วงเงินฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมจึงเหลือวงเงินอยู่ 171,000 ล้านบาท ส่วนโครงการที่อนุมัติไปแล้ว จะให้เวลาหน่วยงานต่างๆ จนถึงวันที่ 30 เม.ย.นี้ หากยังไม่มีการจัดซื้อจัดจ้างเลยจะต้องชี้แจงกับทาง สศช.เพื่อยึดวงเงินคืน ส่วนโครงการใดทำการจัดซื้อจัดจ้างแล้วและทำการเบิกจ่ายเกิน 10% จะให้เดินหน้าต่อ แต่ทุกโครงการต้องเบิกจ่ายให้จบภายในปีนี้ ส่วนวงเงินที่เหลือจะทำโครงการคนละครึ่ง เฟส 3 ต่อหรือไม่ ขณะนี้ยังไม่ได้หารือเพราะต้องรอการประเมินผลโครงการเราชนะ และโครงการ ม.33 เรารักกัน ที่จะสิ้นสุดในวันที่ 31 พ.ค.นี้ก่อน ทั้งนี้ ในกรณีทำโครงการคนละครึ่ง เฟส 3 หากให้ผู้มีสิทธิ์ 15 ล้านคน คนละ 3,000 บาท ก็ต้องใช้เงินประมาณ 50,000 ล้านบาท

เลขาฯ สศช.ยังกล่าวถึงภาวะเศรษฐกิจไทยด้วยว่า ต้องทำทุกวิถีทางไม่ให้เป็นภาวะเศรษฐกิจรูปตัว K แต่สิ่งที่เกิดขึ้นต้องยอมรับความจริงว่าในระยะข้างหน้าจะมีบางธุรกิจไปไม่ได้ ก็ต้องหาวิธีช่วย ที่พยายามทำตอนนี้ คือมองไปข้างหน้า ด้วยการดึงอุตสาหกรรมใหม่ๆเข้ามาทำให้เกิดการแข่งขันในประเทศ ซึ่งต้องลดกฎระเบียบที่เป็นอุปสรรคต่อการเข้ามาทำงานของคนต่างชาติที่เป็นผู้เชี่ยวชาญ รวมไปถึงคนที่เรียกว่า Digital Nomad ที่ใช้เทคโนโลยีช่วยในการทำงาน ต้องทำให้ธุรกิจท่องเที่ยว ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ฟื้นกลับคืนมา ส่วนเรื่องที่รัฐบาลต้องการให้คนที่มีเงินออมได้นำเงินออกมาใช้เพื่อช่วยเศรษฐกิจของประเทศ ทางกระทรวงการคลังกำลังหามาตรการอยู่.


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ