นายวีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล รมช.พาณิชย์ เปิดเผยว่า หลังจากที่พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) หลักประกันทางธุรกิจ มีผลบังคับใช้วันที่ 4 ก.ค.2559-15 มี.ค.ที่ผ่านมา มีผู้นำทรัพย์สินที่ใช้ในการทำธุรกิจหรือสังหาริมทรัพย์ มายื่นคำขอจดทะเบียนหลักประกันทางธุรกิจ หรือเป็นหลักประกันขอกู้เงิน จากสถาบันการเงินรวม 588,791 คำขอ มูลค่า 9.395 ล้านล้านบาท สะท้อนถึงความสำเร็จตามเจตนารมณ์ของกฎหมาย ที่ต้องการให้เอสเอ็มอีเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ง่ายมากขึ้น โดยนำทรัพย์สินที่ใช้ประกอบธุรกิจมาเป็นหลักประกันการชำระหนี้ จากเดิมที่ผู้ประกอบธุรกิจไม่สามารถนำทรัพย์สินอื่น นอกจากอสังหาริมทรัพย์ หรือสังหาริมทรัพย์ ที่มีทะเบียนบางประเภทมาใช้เป็นหลักประกัน
“ประเภททรัพย์สินที่นำมาขอจดทะเบียนหลักประกันมากที่สุด คือ สิทธิเรียกร้อง เช่นสิทธิการเช่า สัดส่วน 76% ของทรัพย์สินที่นำมาใช้เป็นหลักประกันทั้งหมด มูลค่า 7.2 ล้านล้านบาท รองลงมา คือ อสังหาริมทรัพย์ที่ใช้ในการประกอบธุรกิจ ได้แก่ สินค้าคงคลัง วัตถุดิบ เครื่องจักร รถยนต์ เรือ เครื่องบิน สัตว์พาหนะ 23% มูลค่า 2.1 ล้านล้านบาท, ทรัพย์สินทางปัญญา 0.02% มูลค่า 1,985 ล้านบาท, กิจการ สัดส่วน 0.01% มูลค่า 1,107 ล้านบาท, อสังหาริมทรัพย์ที่ใช้ในการประกอบธุรกิจ 0.004% มูลค่า 397 ล้านบาท และไม้ยืนต้น 0.001% มูลค่า 134 ล้านบาท ล่าสุดเมื่อปีที่ผ่านมามีผู้จดทะเบียนสัญญาหลักประกันทางธุรกิจ 100,461 คำขอ มูลค่า 1.4 ล้านล้านบาท”.