งบประมาณรายจ่ายพุ่ง คลังเร่งปฏิรูปภาษีทั้งระบบ

นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังอยู่ระหว่างศึกษาการปรับโครงสร้างภาษีเพื่อนำไปสู่การปฏิรูปภาษีทั้งระบบ เพื่อให้สอดคล้องกับการเติบโตเศรษฐกิจ และมีรายได้เพียงพอกับนโยบายการคลังที่ต้องดำเนินการในอนาคต “นับตั้งแต่เข้ามารับตำแหน่งผมกังวลการจัดเก็บรายได้ของรัฐบาลต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ที่ลดลงเรื่อยๆ เพราะจะทำให้รัฐบาลดำเนินนโยบายการคลังแบบขยายตัวในระยะยาวได้ยากขึ้น ซึ่งในอดีตการจัดเก็บรายได้ของรัฐบาลต่อจีดีพีอยู่ที่ 18% ปัจจุบันอยู่ที่ 14% ถือว่าอยู่ในระดับที่ต่ำเกินไป ดังนั้นจึงต้องมีการปฏิรูปการจัดเก็บรายได้ของรัฐบาล เพื่อให้รัฐบาลมีรายได้มากพอที่จะทำนโยบายการคลังแบบขยายตัวในอนาคต”

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การศึกษาการปฏิรูปภาษี เพื่อความเหมาะสมในการจัดเก็บรายได้ให้สอดคล้องกับรายจ่ายเพื่อรองรับการพัฒนาประเทศในอนาคต โดยเฉพาะประเทศไทยจะก้าวสู่สังคมผู้สูงอายุ ทำให้ภาคแรงงานลดลงการที่ภาคแรงงานลดลงก็จะกระทบต่อการจัดเก็บภาษีด้วย โดยปัจจุบันการจัดเก็บภาษีเงินได้นิติบุคคลอยู่ในอัตราที่ต่ำเพียง 20% ของกำไรสุทธิ ซึ่งต่ำกว่าหลายประเทศในอาเซียน ขณะที่การจัดเก็บภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเก็บภาษีใน อัตราสูงสุดที่ 35% นอกจากนี้ การที่กระทรวงการคลังต้องเร่งศึกษาและปฏิรูปภาษีทั้งระบบ เนื่องจากงบฯที่ต้องจ่ายเงินเบี้ยผู้สูงอายุเพิ่มขึ้นทุกปี โดยปีนี้อยู่ที่ 60,000-70,000 ล้านบาท โดยยอดผู้สูงอายุอยู่ที่ 16.8% ของจำนวนประชากรทั้งประเทศ และปี 68 ยอดผู้สูงอายุจะอยู่ที่ 20% ของจำนวนประชากรทั้งประเทศ เมื่อถึงเวลานั้นต้องใช้งบประมาณมากกว่า 100,000 ล้านบาท นอกจากนี้ยังจำเป็นต้องลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ซึ่งต้องใช้งบฯลงทุนมหาศาล ฉะนั้นการปรับโครงสร้างภาษีเพื่อปฏิรูปการจัดเก็บรายได้ จึงเป็นสิ่งจำเป็นที่ต้องดำเนินการ.