มาตรการรัฐแจกเงินดันจีดีพี 1.7% อัดฉีดเงินเข้าระบบ 3 แสนล้าน

Personal Finance

Banking & Bond

กองบรรณาธิการ

Author

กองบรรณาธิการ

Tag

มาตรการรัฐแจกเงินดันจีดีพี 1.7% อัดฉีดเงินเข้าระบบ 3 แสนล้าน

Date Time: 5 ก.พ. 2564 09:23 น.

Summary

  • เศรษฐกิจเพิ่มขึ้นได้ 1.7% ขณะเดียวกันยังมีความหวังในเรื่องการกระจายวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ซึ่งจะส่งผลให้เริ่มมีนักท่องเที่ยวเข้ามาไทยในช่วงไตรมาส 4 ของปีนี้

Latest

ธปท. ไม่ลดดอกเบี้ยตามสหรัฐฯ ชี้ต้องพิจารณาจาก 3 ปัจจัยหลักในประเทศ

นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีและประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า ได้ประเมินว่าเม็ดเงินจากโครงการเราชนะ ที่ 210,000 ล้านบาท คาดว่าจะกระตุ้นเศรษฐกิจได้เพิ่มขึ้น 1.2% โครงการคนละครึ่ง 53,000 ล้านบาท คาดกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น 0.3% และโครงการ ม.33 เรารักกัน 40,000 ล้านบาท คาดกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น 0.2% หรือทั้ง 3 มาตรการ รวมเม็ดเงิน 300,000 ล้านบาท มีผลกระตุ้นบบ ก็อาจช่วยดันให้เติบโตได้ถึง 3.4% แต่ต้องขึ้นกับปัจจัยการเมือง ค่าเงินบาท และการกระจายวัคซีนด้วย”เศรษฐกิจเพิ่มขึ้นได้ 1.7% ขณะเดียวกันยังมีความหวังในเรื่องการกระจายวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ซึ่งจะส่งผลให้เริ่มมีนักท่องเที่ยวเข้ามาไทยในช่วงไตรมาส 4 ของปีนี้ ได้อีกราว 4-6 ล้านคน “คาดว่าเศรษฐกิจไทยปีนี้ มีโอกาสโตได้ 2.8% แต่หากมีการกระตุ้นจากโครงการต่างๆ อย่างเต็มรูปแบบ ก็อาจช่วยดันให้เติบโตได้ถึง 3.4% แต่ต้องขึ้นกับปัจจัยการเมือง ค่าเงินบาท และการกระจายวัคซีนด้วย”

นอกจากนี้ จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ จะส่งผลให้ไม่มีการปลดคนงาน โดยสามารถรักษาการจ้างงานในระบบไว้ได้ 650,000-950,000 คน ช่วยให้มีแรงงานกลับเข้ามาในกลุ่มธุรกิจค้าขาย ขนส่ง และกลุ่มอาหาร อัตราการว่างงานไม่ทะลุเกิน 2% และมีโอกาสกลับลงมาอยู่ที่ระดับ 1-1.5% ได้ อีกทั้งยังช่วยลดหนี้ครัวเรือนลงได้ โดยคาดว่าปีนี้หนี้ครัวเรือนจะไม่ขึ้นไปแตะระดับ 90% ต่อจีดีพีและอาจอยู่ที่ 84-85% ต่อจีดีพี

สำหรับผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคนั้น ดัชนีความเชื่อมั่นทุกรายการปรับตัวลดลง โดยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน ม.ค.64 อยู่ที่ระดับ 47.8 ลดจาก 50.1 ในเดือน ธ.ค.63 ต่ำสุดใน รอบ 9 เดือน นับตั้งแต่เดือน พ.ค.63 เนื่องจากความกังวลต่อการแพร่ระบาดของโควิดรอบใหม่ในประเทศ ส่วนดัชนีความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจโดยรวมอยู่ที่ 41.6 ลดจาก 43.5 ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับโอกาสหางานทำอยู่ที่ 45.1 ลดจาก 47.5 และดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับรายได้ในอนาคตอยู่ที่ 56.8 ลดจาก 59.2 “ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 และต่ำสุดในรอบ 9 เดือน นับตั้งแต่เดือน พ.ค.63 แสดงให้เห็นว่าผู้บริโภคยังกังวลต่อเศรษฐกิจที่ยังย่ำแย่จากวิกฤติโควิด ซึ่งส่งผลกระทบในเชิงลบอย่างมากต่อกำลังซื้อในประเทศ การท่องเที่ยว การส่งออกธุรกิจโดยทั่วไป และการจ้างงานในอนาคต บั่นทอนความเชื่อมั่นของผู้บริโภคทั้งในปัจจุบันและอนาคต”

ด้านนางสาวกุลยา ตันติเตมิท โฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า วันที่ 5 ก.พ.นี้ ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐจำนวน 13.8 ล้านคน จะได้รับเงินช่วยเหลือเยียวยาจากวิกฤติโควิด-19 ภายใต้โครงการเราชนะ เป็นงวดแรก.


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ