ธ.ก.ส. จ่ายเงินประกันรายได้ให้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวปีบัญชี 2563/64 รอบ 2 จำนวนกว่า 6 แสนรายครบแล้ว ส่วนที่เหลือรอ ครม.อนุมัติงบฯ เพิ่มเติม
เมื่อวันที่ 25 พ.ย.63 นายกษาปณ์ เงินรวง รองผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร หรือ ธ.ก.ส. กล่าวว่า การจ่ายเงินประกันรายได้ให้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวปีบัญชี 2563/64 รอบ 2 ซึ่งเดิมกำหนดจ่ายในวันที่ 19 พ.ย.63 แต่เนื่องจากสถานการณ์ราคาข้าวเปลือกแต่ละชนิดในปีนี้ลดต่ำกว่าปีที่ผ่านมาค่อนข้างมาก
ทั้งนี้ ส่งผลให้เงินชดเชยส่วนต่างฯที่ ครม. อนุมัติไว้ไม่เพียงพอสำหรับการจ่ายเงินชดเชยส่วนต่างฯ ให้แก่เกษตรกรในงวดที่ 2 ได้ทั้งหมด อย่างไรก็ตามเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของเกษตรกร ธ.ก.ส. ได้มีการหารือกับกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์อย่างใกล้ชิด ซึ่งในการประชุมคณะอนุกรรมการกำกับดูแลและกำหนดเกณฑ์กลางอ้างอิงข้าว
โดยเมื่อวันที่ 23 พ.ย.63 ได้มีมติให้ ธ.ก.ส. จ่ายเงินชดเชยส่วนต่างฯ งวดที่ 2 ให้กับเกษตรกรตามวันเก็บเกี่ยวที่เกษตรกรระบุไว้ในการขึ้นทะเบียนเกษตรกรกับกรมส่งเสริมการเกษตร คือตั้งแต่วันที่ 9 - 14 พ.ย.63 จำนวน 636,118 ราย วงเงิน 5,684 ล้านบาท ตามงบประมาณที่เหลือในวันนี้ (25 พ.ย.)
สำหรับเกษตรกรที่เก็บเกี่ยวในวันที่ 15 พ.ย.63 จำนวน 602,485 ราย วงเงิน 5,641 ล้านบาท และเกษตรกรที่มีสิทธิ์รับเงินชดเชยส่วนต่างในงวดที่ 3 ซึ่งคณะอนุกรรมการกำกับดูแลและกำหนดเกณฑ์กลางอ้างอิงโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2563/64 ได้ประกาศราคากลาง ณ 23 พ.ย.63 โดยกำหนดชดเชยส่วนต่างราคาประกันไปแล้วคือ
1. ข้าวเปลือกหอมมะลิ ตันละ 3,059 บาท
2. ข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่ ตันละ 2,281 บาท
3. ข้าวเปลือกเจ้า ตันละ 1,036 บาท
4. ข้าวเปลือกหอมปทุมธานี ตันละ 1,055 บาท
5. ข้าวเปลือกเหนียว ตันละ 996 บาท
โดยมีอีกจำนวน 1,497,508 ราย วงเงิน 12,900 ล้านบาท กระทรวงพาณิชย์ได้นำเสนอ ครม. เพื่อพิจารณาอนุมัติวงเงินเพิ่มเติมตามมติคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว (นบข.) แล้ว ซึ่งเมื่อ ครม. ให้ความเห็นชอบ ธ.ก.ส. จะเร่งโอนเงินให้แก่เกษตรกรโดยเร็วต่อไป
ทั้งนี้ ธ.ก.ส. มีสภาพคล่องเพียงพอสำหรับรองรับการดำเนินโครงการประกันรายได้พืชเศรษฐกิจสำคัญตามนโยบายรัฐบาลทั้ง 5 ชนิด มิได้ขาดสภาพคล่องตามที่เป็นข่าวแต่อย่างใด