เศรษฐกิจไม่มีสัญญาณดีขึ้น โตต่ำกว่าประมาณการจากส่งออกหด หนี้พุ่ง จ้างงานลดลง มติที่ประชุมกนง.เป็นเอกฉันท์ คงดอกเบี้ยนโยบาย 1.25% หั่นจีดีพีปีหน้าเหลือ 2.8% จากเดิม 3.3%
เมื่อวันที่ 18 ธ.ค. นายทิตนันทิ์ มัลลิกะมาส ผู้ช่วยผู้ว่าการสายนโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) เปิดเผยว่า ที่ประชุม กนง.มีมติเป็นเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ร้อยละ 1.25 ต่อปี โดยประเมินว่าเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวต่ำกว่าประมาณการเดิม และต่ำกว่าระดับศักยภาพ จากการส่งออกที่ลดลง ซึ่งส่งผลไปสู่การจ้างงานและอุปสงค์ในประเทศ อัตราเงินเฟ้อทั่วไปมีแนวโน้มต่ำกว่าขอบล่างของกรอบเป้าหมายเงินเฟ้อ ภาวะการเงินโดยรวมยังผ่อนคลาย ซึ่งเป็นผลจากการลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายสองครั้งในช่วงที่ผ่านมา
ส่วนเสถียรภาพระบบการเงินได้รับการดูแลไปแล้วบางส่วน แต่ยังมีปัจจัยเสี่ยงที่ต้องติดตาม โดยเห็นว่านโยบายการเงินที่ผ่อนคลายมากขึ้นในช่วงที่ผ่านมา จะช่วยสนับสนุนการขยายตัวของเศรษฐกิจและเอื้อให้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปกลับสู่กรอบเป้าหมาย จึงเห็นควรให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ในการประชุมครั้งนี้ และจะประเมินความเสี่ยงต่อระบบเศรษฐกิจในอนาคต เพื่อประกอบการดำเนินนโยบายการเงินที่เหมาะสมในระยะต่อไป
ทั้งนี้คาดว่าเศรษฐกิจไทยปีนี้จะขยายตัวได้ 2.5% จากเดิมที่คาดไว้ 2.8% ขณะที่ในปี 2563 คาดว่าเศรษฐกิจจะขยายตัวได้ 2.8% จากเดิมคาด 3.3% โดยประมาณการเศรษฐกิจและอัตราเงินเฟ้อยังมีความเสี่ยงด้านต่ำ ตามความเสี่ยงด้านต่างประเทศเป็นสำคัญ ส่วนการส่งออกสินค้าที่ผ่านมาหดตัวมากกว่าที่ประเมินไว้ และมีแนวโน้มฟื้นตัวได้ช้ากว่าที่คาด ตามปริมาณการค้าโลกที่ชะลอลงจากสภาวะการกีดกันทางการค้า รวมถึงการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างในภาคการผลิตที่มีผลต่อความสามารถในการแข่งขันของภาคการส่งออก คาดว่าปีนี้การส่งออกไทยจะหดตัว -3.3% ส่วนปี 2563 การส่งออกจะขยายตัวได้เล็กน้อยที่ 0.5%
ขณะที่การใช้จ่ายภาครัฐและการลงทุนภาคเอกชน มีแนวโน้มขยายตัวต่ำกว่าที่ประเมินไว้ ส่วนหนึ่งมาจากการเลื่อนการลงทุนของรัฐวิสาหกิจ และโครงการร่วมลงทุนของรัฐและเอกชนในโครงสร้างพื้นฐานบางโครงการ อาจจะเลื่อนออกไปมีผลในปี 2564 ส่วนการบริโภคภาคเอกชน มีแนวโน้มชะลอลงจากรายได้และการจ้างงานที่ปรับลดลง โดยเฉพาะในภาคการผลิตเพื่อส่งออก และหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง.