“อุตตม” อึ้ง กนง.ลดจีดีพี สศค.ช่วยลุ้นส่งออกติดลบไม่เกิน 0.9%

Personal Finance

Banking & Bond

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

Tag

“อุตตม” อึ้ง กนง.ลดจีดีพี สศค.ช่วยลุ้นส่งออกติดลบไม่เกิน 0.9%

Date Time: 27 ก.ย. 2562 08:42 น.

Summary

  • นายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง เปิดเผยกรณีคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ปรับลดการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยปี 62 จากเดิม 3.3% ลงลดเหลือ 2.8%

Latest

ขายยากไม่พอ ยังถูก“กดราคา” Roddonjai ลุยตลาดรถมือสอง ตั้งราคาขายเองได้ คนซื้อไม่เจอ “รถโจร-รถซาก”

“พาณิชย์” นัดเปิด “วอร์รูม” 7 ต.ค.นี้

นายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง เปิดเผยกรณีคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ปรับลดการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยปี 62 จากเดิม 3.3% ลงลดเหลือ 2.8% ว่า ขณะนี้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจทั้งระบบจำนวน 300,000 ล้านบาทเพิ่งเริ่มออกไป การที่จะบอกว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) จะโตเท่าไหร่ต้องอาศัยองค์ประกอบหลายอย่าง ไม่ใช่ว่ามีมาตรการออกมาหลายชุดจะทำให้ตัวเลขดีขึ้น เนื่องจากเศรษฐกิจไทยต้องขึ้นอยู่กับการส่งออกด้วย และมาตรการที่ออกมานั้นเน้นกระตุ้นภายในประเทศ ดังนั้น จึงต้องช่วยกันประคองให้เศรษฐกิจไทยเดินหน้าต่อไปได้ ส่วนเป้าหมายเติบโต 3% นั้นเป็นตัวเลขที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ประเมินไว้

นายวุฒิพงษ์ จิตตั้งสกุล รองผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยว่า ในช่วง 8 เดือนของปีนี้ การส่งออกของไทยขยายตัวลดลง 2.2% โดยเดือน ส.ค.นี้ การส่งออกขยายตัวลดลงถึง 4% ดังนั้น ในช่วงที่เหลือปีนี้ หากการส่งออกยังติดลบเพิ่มจะกระทบต่อการขยายตัวของจีดีพีที่ตั้งเป้าให้เติบโต 3% ถ้าอยากให้จีดีพีขยายตัวที่ 3% ส่งออกไทยทั้งปีต้องติดลบไม่เกิน 0.9% อย่างไรก็ตาม สศค.มองว่าในช่วงปลายปีการส่งออกน่าจะดีกว่าช่วงต้นปี

น.ส.พิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) เปิดเผยว่า วันที่ 7 ต.ค.นี้ กระทรวงพาณิชย์จะประชุมคณะทำงานติดตามผลกระทบจากสงครามการค้า (วอร์รูม) เพื่อติดตามผลกระทบจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน และการออกจากสหภาพยุโรปของอังกฤษ (เบร็กซิต) เพื่อรับมือกับความผันผวนที่จะเกิดขึ้น เพราะจนถึงขณะนี้ยังไม่เห็นทางออกที่ชัดเจน ซึ่งทั้ง 2 ปัจจัยจะส่งผลกระทบต่อการค้า การส่งออก และเศรษฐกิจไทยอย่างมาก จึงต้องวางแผนรับมือให้ดี และจากนั้นจะนำผลสรุปเสนอนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ ในการประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนด้านพาณิชย์ (กรอ.พาณิชย์)

“แม้ขณะนี้สหรัฐฯและจีนเจรจากันอยู่ แต่สหรัฐฯมีไพ่เหนือกว่าด้วยการขึ้นภาษีชุดสุดท้ายที่ชะลออยู่คือ การขึ้นภาษีสินค้านำเข้ากลุ่มที่มีมูลค่า 250,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ จากอัตรา 25% เป็น 30% และการขึ้นภาษีสินค้ากลุ่มที่เหลืออีก 300,000 ล้านเหรียญ รอบที่ 2 อีก 554 รายการ รวมถึงการเก็บภาษีนำเข้าเซฟการ์ดยานยนต์และชิ้นส่วน ที่จะประกาศผลวันที่ 14 พ.ย.62 ซึ่งจะส่งผลกระทบกับจีนมาก และประเทศอื่นจะได้รับผลกระทบด้วย”.


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ