กนง.คงดอกเบี้ย 1.75% จับตาหนี้ครัวเรือนพุ่งสูง ห่วงสินเชื่อรถยนต์

Personal Finance

Banking & Bond

กองบรรณาธิการ

Author

กองบรรณาธิการ

Tag

กนง.คงดอกเบี้ย 1.75% จับตาหนี้ครัวเรือนพุ่งสูง ห่วงสินเชื่อรถยนต์

Date Time: 8 พ.ค. 2562 17:44 น.

Video

ศิรเดช โทณวณิก Gen 3 ดุสิตธานี ธุรกิจที่เป็นมากกว่าโรงแรม | On The Rise

Summary

  • กนง.มติเอกฉันท์ คงดอกเบี้ยนโยบาย 1.75% มองเศรษฐกิจไทยโตต่ำกว่าประเมินจากส่งออก-ลงทุน พร้อมติดตามความเสี่ยงเสถียรภาพการเงิน หนี้ครัวเรือนมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะสินเชื่อรถยนต์

กนง.มติเอกฉันท์ คงดอกเบี้ยนโยบาย 1.75% มองเศรษฐกิจไทยโตต่ำกว่าประเมินจากส่งออก-ลงทุน พร้อมติดตามความเสี่ยงเสถียรภาพการเงิน หนี้ครัวเรือนมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะสินเชื่อรถยนต์...

เมื่อวันที่ 8 พ.ค. นายทิตนันท์ มัลลิกะมาส เลขานุการ คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) เปิดเผยว่า คณะกรรมการนโยบายการเงิน มีมติเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายอยู่ที่ 1.75% ต่อปี โดยประเมินว่าเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวต่ำกว่าที่ประเมินไว้ อัตราเงินเฟ้อมีแนวโน้มใกล้เคียงกับขอบล่างของกรอบเป้าหมายเงินเฟ้อ ภาวะการเงินโดยรวมยังอยู่ในระดับผ่อนคลายและเอื้อต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจ แต่มีปัจจัยเสี่ยงต่อเสถียรภาพระบบการเงินที่ต้องติดตามอย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้เห็นว่านโยบายการเงินที่ผ่อนคลายในระดับปัจจุบัน มีส่วนช่วยสนับสนุนการขยายตัวของเศรษฐกิจและสอดคล้องกับกรอบเป้าหมายเงินเฟ้อ ประกอบกับความไม่แน่นอนของภาวะเศรษฐกิจโลกและปัจจัยในประเทศยังมีอยู่สูงในระยะข้างหน้า จึงเห็นควรให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ เพื่อรอประเมินผลกระทบจากปัจจัยต่างๆ ให้ชัดเจนขึ้น

นอกจากนี้เศรษฐกิจไทยในภาพรวม มีแนวโน้มขยายตัวต่ำกว่าที่ประเมินไว้จากการส่งออกสินค้าและการลงทุน โดยการส่งออกสินค้าขยายตัวชะลอลงกว่าที่ประเมินไว้ตามการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกและวัฏจักรสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ รวมถึงผลของมาตรการกีดกันทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน ขณะที่ภาคการท่องเที่ยวมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง

สำหรับด้านอุปสงค์ในประเทศ การบริโภคภาคเอกชนมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง แต่ยังได้รับแรงกดดันจากหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง และการจ้างงานโดยรวมที่เริ่มทรงตัว และมีสัญญาณการชะลอลงของการจ้างงานในภาคการก่อสร้างและภาคการผลิตเพื่อส่งออก การลงทุนภาคเอกชนมีแนวโน้มขยายตัวชะลอลง อย่างไรก็ดี การย้ายฐานการผลิตมายังไทยและโครงการร่วมลงทุนของรัฐและเอกชนในโครงสร้างพื้นฐานจะช่วยสนับสนุนการลงทุนในระยะต่อไป ขณะที่การใช้จ่ายภาครัฐ มีแนวโน้มขยายตัวต่ำกว่าที่ประเมินไว้ ส่วนหนึ่งเป็นผลจากความล่าช้าของโครงการลงทุนภาครัฐ

ขณะเดียวกัน กนง.ยังต้องติดตามความเสี่ยงที่อาจสร้างความเปราะบางให้เสถียรภาพการเงินในอนาคต ติดตามการก่อหนี้ภาคครัวเรือนที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะสินเชื่อรถยนต์ รวมทั้งการก่อหนี้ของธุรกิจขนาดใหญ่ที่มีการประเมินความเสี่ยงต่ำกว่าที่ควร โดยมองไปข้างหน้าเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง แม้แรงส่งจากอุปสงค์ต่างประเทศจะชะลอตัวลง ซึ่งเห็นว่านโยบายการเงินที่ผ่อนคลายในปัจจุบันยังมีความเหมาะสม โดยจะต้องติดตามพัฒนาการการขยายตัวเศรษฐกิจ อัตราเงินเฟ้อ และเสถียรภาพระบบการเงินอย่างใกล้ชิดต่อไป.


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
กองบรรณาธิการไทยรัฐออนไลน์