นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวในงาน “จับชีพจรเศรษฐกิจโลก เจาะแนวโน้มเศรษฐกิจไทย” ที่จัดโดยธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ว่า ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) เมื่อวันที่ 20 มี.ค.ที่ผ่านมา ธปท.ได้ปรับลดประมาณการเศรษฐกิจไทยลง จากที่คาดไว้เดิมที่ 4% เหลือ 3.8% มีสาเหตุมาจากเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวลง ส่งผลกระทบต่อการส่งออกของไทยให้ชะลอตัวตาม แต่สำหรับปัจจัยในประเทศ เชื่อว่าพื้นฐานเศรษฐกิจไทยที่ดี ยังมีการขยายตัวที่ดีของการบริโภคภาคเอกชน มีแนวโน้มการลงทุนเพิ่มขึ้นทั้งจากนักลงทุนไทยและต่างประเทศ รวมทั้งการท่องเที่ยวที่ขยายตัวดี จึงเป็นแรงส่งให้ 3 เดือนต่อจากนี้ไปให้เศรษฐกิจไทยยังขยายตัวได้ต่อเนื่อง ระหว่างรอการจัดตั้งรัฐบาลใหม่
“เมื่อคาดว่าจะสามารถจัดตั้งรัฐบาลใหม่ได้ในเดือน มิ.ย.นี้ ผมก็มองว่าพื้นฐานเศรษฐกิจที่ดี ทั้งการอุปโภคบริโภคที่ขยายตัวต่อเนื่อง การท่องเที่ยวที่ขยายตัวดี มีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง ตราบใดที่ไม่มีความขัดแย้งทางการเมืองเพียงสาเหตุเดียวเท่านั้น ที่จะทำให้การท่องเที่ยวแย่ลง ขณะที่การลงทุนจะเกิดขึ้นต่อเนื่อง หากพิจารณาจากนโยบายเศรษฐกิจของพรรคการเมืองในช่วงหาเสียง เห็นว่าทุกพรรคไม่ว่าฝั่งใดจะมาเป็นรัฐบาล นโยบายเศรษฐกิจก็เป็นไปในทิศทางเดียวกัน ทำให้มีความต่อเนื่องทางนโยบายในระดับหนึ่ง ส่วนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ และในเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ก็มีการลงทุนต่อเนื่อง”
ทั้งนี้ ในช่วงที่รัฐบาลปัจจุบันยังทำงานอยู่ก็ขอยืนยันว่า ไม่ใช่รัฐบาลรักษาการ ซึ่งหากจำเป็นที่ต้องกระตุ้นเศรษฐกิจ ก็ยังสามารถออกมาตรการเพิ่มเติมได้ ดังนั้น หากไม่มีเหตุการณ์ที่ไม่ปกติ เศรษฐกิจไทยปีนี้จะขยายตัว 3.8% ตามที่ ธปท.คาดไว้.