รับสงครามการค้า “สหรัฐฯ-จีน”คลี่คลาย
นางสาวรุ่ง สงวนเรือง ฝ่ายส่งเสริมธุรกิจโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ทิศทางของค่าเงินบาทมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้นอีก จึงได้ปรับประมาณการค่าเงินบาทใหม่ โดยช่วงกลางปีค่าเงินบาทอยู่ที่ระดับ 30.75 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ หลังจากเมื่อวันที่ 20 ก.พ.ที่ผ่านมา ค่าเงินบาทได้แข็งค่ามาอยู่ที่ 31.04 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ นับเป็นการแข็งค่าสุดในรอบ 5 ปี 3 เดือน หรือนับจากเดือน พ.ย.2556
“ค่าเงินบาทในระยะสั้นจะลงมาทดสอบแนวรับที่ 31.00 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ หลังจากหลุดแนวรับที่สำคัญที่ 31.09 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ”
ทั้งนี้ ค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นเกิดจาก ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯที่อ่อนค่าอย่างรวดเร็ว หลังจากเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีนรอบล่าสุด ข้อพิพาทเริ่มคลี่คลาย ขณะที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือเฟด ยืนยันว่าเฟดจะยุติการขึ้นดอกเบี้ย ส่งผลให้โอกาสที่กระแสเงินทุนจะไหลกลับเข้าสู่สินทรัพย์เสี่ยงและตลาดเกิดใหม่ ขณะที่ค่าเงินบาทแข็งค่าแรงกว่าภูมิภาค เกิดจากประเทศไทยเกินดุลบัญชีเดินสะพัด
ด้านบริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด รายงานว่า ปัจจัยสำคัญในระยะสั้นที่อาจมีผลต่อทิศทางค่าเงินบาท ประกอบด้วยผลการเจรจาเพื่อลดข้อพิพาททางการค้าระหว่างสหรัฐฯกับจีน สัญญาณดอกเบี้ยจากการประชุมเฟด รอบวันที่ 19-20 มี.ค.นี้ และประเด็นความเสี่ยงอื่นๆ อย่างไรก็ตาม ศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่า หากผลการเจรจาของสหรัฐฯ-จีนเป็นไปในทางบวก และเฟดยังคงสัญญาณชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมเดือน มี.ค.นี้แล้ว เงินบาทยังมีโอกาสที่จะขยับแข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง หลังจากขยับเข้าใกล้แนว 31.00 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ.