“คลัง”คุยลั่นทุ่ง แจงผลจัดเก็บรายได้4 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2561 แตะ 7.3 แสนล้านบาท สูงกว่าประมาณการ 28,381 ล้านบาท เพราะเศรษฐกิจไทยเริ่มกลับสู่ภาวะปกติและดีขึ้น สอดคล้องกับสภาพของเศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัว และมีแนวโน้มดีขึ้นตลอดปีงบประมาณ 2561
นางสาวกุลยา ตันติเตมิท ผู้ตรวจราชการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ผลการจัดเก็บรายได้ของรัฐบาลใน 4 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2561 (ต.ค.2560-ม.ค.2561) จัดเก็บรายได้ 738,345 ล้านบาท สูงกว่าประมาณการตามเอกสารงบประมาณ 28,381 ล้านบาท หรือ 4% โดยมีปัจจัยบวกมาจากการนำส่งรายได้ของรัฐวิสาหกิจ ที่สูงกว่าประมาณการ 12,994 ล้านบาท, การจัดเก็บรายได้ของหน่วยงานอื่นๆ สูงกว่าประมาณการ 12,747 ล้านบาท, กรมสรรพสามิต จัดเก็บรายได้ได้สูงกว่าประมาณการ 1,251 ล้านบาท
สำหรับการจัดเก็บรายได้ของรัฐบาลในช่วงเวลาที่เหลือของปี งบประมาณ 2561 ก็คาดว่าการจัดเก็บรายได้จะยังเป็นไปได้ดีต่อเนื่อง ตามภาวะเศรษฐกิจของประเทศไทยที่มีแนวโน้มดีขึ้น
นายพรชัย ฐีระเวช ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจการเงิน สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กล่าวว่า สศค.ได้รายงานภาวะเศรษฐกิจการคลัง ประจำเดือน ม.ค.ที่ผ่านมา ว่า เศรษฐกิจไทยขยายตัวดีต่อเนื่อง โดยเฉพาะด้านอุปสงค์ขยายตัวได้อย่างแข็งแกร่งจากการส่งออกสินค้า ที่ขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 11 ติดต่อกัน และขยายตัวสูงสุดในรอบ 62 เดือน ล่าสุด มูลค่าการส่งออกสินค้าเดือน ม.ค. ขยายตัว 17.6% มีมูลค่า 20,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
“กรณีดังกล่าวมาจากการที่เศรษฐกิจโลกฟื้นตัวดีขึ้น โดยหมวดสินค้าสำคัญๆที่ขยายตัวได้ดี ได้แก่ ยานพาหนะอุปกรณ์และส่วนประกอบ อิเล็กทรอนิกส์ สินค้าเกษตรกรรมและเคมีภัณฑ์ เป็นต้น ขณะที่ประเทศคู่ค้าของไทยก็มีภาวะเศรษฐกิจที่ขยายตัวได้ดี เช่น อาเซียน ญี่ปุ่น อินเดีย อินโดจีน จีน และสหรัฐฯ ดังนั้น สศค.จึงคาดว่าตลอดทั้งปีนี้การส่งออกจะมีการขยายตัว 6.6% ขณะที่กระทรวงพาณิชย์ มั่นใจว่าจะขยายตัวได้ 8%”
ขณะเดียวกัน การบริโภคของภาคเอกชน ก็ยังขยายตัวได้ดีต่อเนื่อง สะท้อนได้จากการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม(แวต) ณ ราคาคงที่เดือน ม.ค. ที่ขยาย 6.9% ถือว่าเป็นการขยายตัวได้ดี จากการจัดเก็บแวต จากฐานการใช้จ่ายภายในประเทศและแวตจากการนำเข้าสินค้า ส่วนปริมาณการจำหน่ายรถยนต์นั่ง เดือน ม.ค.ก็ขยายตัวต่อเนื่อง ติดต่อกันเป็นเดือนที่ 13 นับตั้งแต่ต้นปี 2560 และขยายตัวสูงถึง 27% เป็นผลจากการแนะนำรถยนต์รุ่นใหม่ๆที่ออกสู่ตลาดในช่วงปลายปีที่ผ่านมา ของค่ายรถยนต์ต่างๆ และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจโดยรวมเดือน ม.ค.ที่ผ่านมาก็อยู่ที่ระดับ 67.0 เป็นการปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่ 6 ติดต่อกัน และเป็นระดับสูงสุดในรอบ 34 เดือน นับตั้งแต่เดือน เม.ย.2558
นายพรชัยกล่าวว่า ในประเด็นการลงทุนภาคเอกชน ก็พบว่ามีอัตราการขยายตัวต่อเนื่อง เมื่อเทียบกับเดือน ธ.ค.2560 ทั้งจากการลงทุนหมวดเครื่องมือเครื่องจักร และหมวดก่อสร้างที่ได้รับปัจจัยสนับสนุนจากมาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการลงทุนในประเทศ สะท้อนจากปริมาณจำหน่ายรถยนต์เชิงพาณิชย์เดือน ม.ค. ขยายตัวต่อเนื่องที่ 10.2% จากยอดจำหน่ายรถกระบะขนาด 1 ตัน ขณะที่การลงทุนหมวดก่อสร้างก็สะท้อนจากปริมาณจำหน่ายปูนซีเมนต์ภายในประเทศที่ขยายตัวที่ 1%
นอกจากนี้ จำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศ ที่เดินทางเข้าประเทศไทย ก็มีการขยายตัวระดับสูง โดยเดือน ม.ค.ที่ผ่านมาขยายตัว 10.9% โดยจำนวนนักท่องเที่ยวที่ขยายตัวได้ดีมาจากประเทศจีน รัสเซีย เกาหลีใต้ ลาว อินเดีย ยุโรปตะวันออก เป็นหลัก ส่งผลให้มีรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างประเทศ 189,000 ล้านบาท รวมทั้งดัชนีผลผลิตสินค้าเกษตรก็สามารถขยายตัวต่อเนื่องที่เฉลี่ย 13% ซึ่งเป็นผลจากหมวดพืชผลสำคัญๆ หมวดปศุสัตว์ และหมวดประมง ที่ขยายตัวได้ดี.