ย้ำหยุดพฤติกรรมช่วยลูกค้าทำผิด
นางสาววชิรา อารมย์ดี ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายตลาดการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า จากการยกระดับความเข้มงวดในการ ติดตามการทำธุรกรรมเงินตราต่างประเทศของผู้ร่วมตลาดในช่วงที่ผ่านมา ธปท.พบว่าได้มีสถาบันการเงินในประเทศไทยบางแห่งเอื้อให้เกิดธุรกรรมที่เข้าข่ายขัดกับมาตรการป้องปรามการเก็งกำไรค่าเงินบาท ธปท.จึงได้ดำเนินการตักเตือนและลงโทษสถาบันการเงินที่มีพฤติกรรมดังกล่าว
นอกจากนั้น ธปท.ขอยืนยันว่า ธปท.มีนโยบายและมาตรการป้องปรามการเก็งกำไรค่าเงินบาทและขอให้สถาบันการเงินทุกแห่งงดทำธุรกรรมที่อาจขัดกับเจตนารมณ์ของมาตรการป้องปรามการเก็งกำไร โดย ธปท.จะยังคงติดตามและตรวจสอบการทำธุรกรรมเงินตราต่างประเทศอย่างใกล้ชิด รวมถึงพร้อมทบทวนมาตรการเพิ่มเติมเพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการติดตามเงินทุนเคลื่อนย้ายต่อไป โดยการดำเนินการลงโทษสถาบันการเงินที่ไม่ดำเนินการตามเกณฑ์ของ ธปท.จะมีหลายระดับ เช่น ว่ากล่าวตักเตือน เปรียบเทียบปรับ หรืองดทำธุรกรรมด้วย ซึ่งการลงโทษครั้งนี้ธนาคารที่เกี่ยวข้องรับทราบโดยตรงไปแล้ว และเชื่อว่าจะมีการกำชับเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานอย่างเคร่งครัดต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ก่อนหน้านี้ นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการ ธปท. ระบุว่า ได้พบพฤติกรรมของธนาคารพาณิชย์ในไทยช่วยเหลือให้ลูกค้าที่เป็นนักลงทุนต่างประเทศทำผิดเกณฑ์มาตรการป้องกันและปราบปรามการเก็งกำไรค่าเงินบาท ในส่วนของบัญชีเงินฝากที่เป็นเงินบาทของผู้มีถิ่นที่อยู่ในต่างประเทศ (NRBA) โดยเฉพาะในช่วงที่มีธุรกรรมเงินตราต่างประเทศหนาแน่น ซึ่งส่งผลต่อความเคลื่อนไหวของค่าเงินบาท ทำให้ได้สั่งการให้ยกระดับการดูแลและเพิ่มความเข้มงวดในติดตามความเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทและเงินทุนเคลื่อนย้ายเพิ่มขึ้น
สำหรับความเคลื่อนไหวของค่าเงินบาท นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้าวานนี้ (30 ม.ค.) อยู่ที่ 31.45 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ อ่อนค่าจากช่วงปิดตลาดเย็นวันก่อนหน้าที่ระดับ 31.42 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ หลังมีแรงเทขายหุ้นกำไรแล้วกลับไป ถือครองดอลลาร์สหรัฐฯเพิ่มขึ้น.