นายกุลิศ สมบัติศิริ อธิบดีกรมศุลกากร เปิดเผยว่า ในวันที่ 13 พ.ย.นี้ กรมศุลกากรจะนำร่องโครงการยื่นใบขน และรับชำระภาษีผ่านระบบออนไลน์ โดยช่วงแรกจะเปิดให้บริการที่ด่านท่าเรือกรุงเทพ และแหลมฉบัง ซึ่งทั้ง 2 ด่านนี้ มีปริมาณสินค้านำเข้าและส่งออกราว 70% ของสินค้าทั้งหมด โดยในเร็วๆนี้ กรมศุลกากรจะลงนามในสัญญาความร่วมมือกับการท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) เพื่อให้เอกสารที่ใช้ในการขนส่งสินค้าเป็นระบบออนไลน์ทั้งหมด
“ปัจจุบันการนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศ สามารถทำใบขนออนไลน์ได้แล้ว แต่การชำระภาษียังต้องมาที่ด่านท่าเรือซึ่งเป็นจุดขนถ่ายสินค้า แต่ออนไลน์ระบบใหม่ ผู้นำเข้าสามารถเขียนใบขนและชำระภาษีผ่านระบบออนไลน์ได้เลย ทำให้ความสะดวกในการติดต่อกับเจ้าหน้าที่ศุลกากร และลดการใช้ดุลพินิจของเจ้าหน้าที่ในการประเมินภาษี เนื่องจากผู้นำเข้าและเจ้าหน้าที่ศุลกากรจะไม่พบหน้ากัน เชื่อว่าจะช่วยลดการทุจริตได้อย่างแน่นอน เมื่อเปิดให้บริการที่ท่าเรือกรุงเทพและแหลมฉบังแล้ว ลำดับถัดไปก็จะเปิดบริการที่ด่านสนามบินสุวรรณภูมิ และสนามบินดอนเมือง จากเดิมสายการบินต้องแจ้งสินค้าที่อยู่ในเครื่องบินกับกรมศุลกากร แต่หากมีระบบออนไลน์ เจ้าของสินค้าจะทราบภาระภาษี และชำระภาษีได้ทันที เมื่อเดินทางถึงจุดหมาย ก็นำสินค้าออกจากสนามบินได้ทันที”
สำหรับ พ.ร.บ.ศุลกากร ฉบับใหม่ เปิดโอกาสให้กรมศุลกากรสามารถให้บริการอิเล็กทรอนิกส์ได้มากขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล โดยวางเป้าหมายว่า ในปี 2562 จะเปิดให้บริการ e-Commerce Park เพื่อดูแลเขตปลอดอากร โดยเฉพาะโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก หรืออีอีซี โดยผู้ประกอบการสามารถผลิตหรือประกอบสินค้าในเขตปลอดอากร เพื่อการส่งออก โดยไม่ต้องเสียภาษีให้แก่กรมศุลกากรก่อน แล้วค่อยมาขอคืนภายหลัง ซึ่งถือเป็นการอำนวยความสะดวกและลดต้นทุนให้แก่ผู้ประกอบการ.