นายสมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวปาฐกถา “เตรียมความพร้อมสู่ไทยแลนด์ 4.0 พร้อมความท้าทายของสังคมสูงวัย” โดยระบุว่า ภายในเดือน ก.ย.นี้ กระทรวงการคลังจะเสนอให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาแพ็กเกจมาตรการส่งเสริมการออมระดับชาติ ประกอบด้วย 4 มาตรการ เพื่อกระตุ้นประชาชนรู้จักการออมสำหรับวัยเกษียณคือ
1.ยกระดับการให้ความรู้ทางการเงินแก่ประชาชนเป็นวาระแห่งชาติ ซึ่งกระทรวงการคลังจะเป็นเจ้าภาพร่วมกับสถาบันการเงินและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ความรู้ทางการเงินแก่ประชาชนให้เกิดวินัยในการออม การลงทุน โดยมีเป้าหมายให้คนไทยทุกคนอดออมประหยัดเพื่ออนาคต
2.เสริมความแข็งแกร่งให้สหกรณ์ออมทรัพย์และสหกรณ์เครดิตยูเนียนถือเป็นสถาบันการออมที่เป็นเสาหลักของประเทศ
3.การออกผลิตภัณฑ์การออมใหม่ๆ และการมีมาตรการทางการเงินการคลัง เพื่อให้ประชาชนลดการใช้สินค้าฟุ่มเฟือย
และ 4.การเพิ่มระบบการออมเพื่อเกษียณอายุ ซึ่งขณะนี้รัฐบาลได้จัดตั้งกองทุนบำเหน็จบำนาญแห่งชาติ (กบช.) ซึ่งเป็นการออมภาคบังคับสำหรับแรงงาน โดยแรงงานจ่ายเงินออมอัตราหนึ่งและนายจ้างสมทบอีกอัตราหนึ่ง ซึ่งจะเริ่มบังคับใช้ปี 2561
นอกจากนี้ กระทรวงการคลังยังจะปรับปรุงโครงสร้างภาษี โดยจะเก็บภาษีบนฐานทรัพย์สินมากขึ้นโดยเฉพาะผู้สูงอายุที่มีความมั่งคั่ง จากปัจจุบันเก็บภาษีบนฐานทรัพย์สินเพียง 1% จะขยับเป็น 5% และ 10% ในอนาคต.