นายเสนธิป ศรีไพพรรณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารลูกค้าธุรกิจ ธนาคาร ทหารไทย จำกัด (มหาชน) หรือทีเอ็มบี เปิดเผยว่า ธนาคารได้ปรับโครงสร้างสายงานลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่ โดยดึงลูกค้าธุรกิจขนาดกลางและย่อม (เอสเอ็มอี) ขนาดใหญ่ ที่มียอดขายต่อปี 100 ล้านบาทขึ้นไป เข้ามาอยู่ใน สายงานลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่ พร้อมวางแผนยุทธศาสตร์สำหรับการเติบโตของธุรกิจดังนี้ 1.เลือกแข่งขันในตลาดที่ทีเอ็มบีสามารถสร้างความแตกต่าง 2.การจับโอกาสการเติบโตนอกประเทศ ด้วยการขยายกลุ่มลูกค้าส่งออกและกลุ่มลูกค้าที่มีการลงทุนต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง 3.สร้างเครือข่ายร่วมกับลูกค้า ที่เชื่อมถึงกันผ่านห่วงโซ่การผลิตหรือซัพพลายเชน
“ธนาคารตั้งเป้าสินเชื่อลูกค้ารายใหญ่เติบโต 10% สิ้นปีจะมียอดสินเชื่อรวมใกล้ๆ 400,000 ล้านบาท เพิ่มจากกลางปีที่ 355,000 ล้านบาท ขณะที่รายได้ในปีนี้ตั้งเป้าเติบโต 6% เป็นการเติบโตอย่างระมัดระวัง ควบคุมคุณภาพของสินเชื่อ โดยธุรกิจที่มีแนวโน้มเติบโตได้ดีและธนาคารเน้นปล่อยสินเชื่อมากขึ้น ได้แก่ ธุรกิจส่งออก รับเหมาก่อสร้าง โครงการภาครัฐ ธุรกิจอาหาร ขณะที่ธุรกิจที่มีปัญหาและต้องคุมเข้ม ได้แก่ ธุรกิจเหล็ก ซึ่งมีสินเชื่อธุรกิจเหล็กบางรายที่ต้องตัดใจปล่อยออกไป”
นายเสนธิปกล่าวอีกว่า จะเลือกแข่งขันในตลาดที่ธนาคารขนาดใหญ่ไม่ทำ เช่น เป็นที่ปรึกษาให้กับบริษัทขนาดกลางที่มีสภาพคล่องเหลือหรือเป็นเจ้าของธุรกิจรุ่นที่ 2 หรือ 3 ของครอบครัว นำเงินไปลงทุนหรือซื้อกิจการในต่างประเทศ ส่วนการปล่อยสินเชื่อให้กับกลุ่มซัพพลายเชน จะนำผลิตภัณฑ์ด้านธุรกรรมทางการเงินไปติดตั้งให้กับยี่ปั๊วและซาปั๊ว ที่มีธุรกิจเชื่อมกับกลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่ อาทิ บุญรอด เอสซีจี และ ปตท. เพื่อสนับสนุนสินเชื่อครบวงจร.