ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ทิสโก้ ประเมิน มูดีส์ ลดเครดิตจีน จากแนวโน้มระดับหนี้ในประเทศ จะส่งผลกระทบต่อตลาดจำกัด เชื่อมั่นรัฐบาลปักกิ่งจริงจังแก้ปัญหาหนี้
นายคมศร ประกอบผล หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ทิสโก้ กล่าวว่า มูดีส์ (Moody’s) ลดอันดับเครดิตประเทศจีนลง 1 ขั้น จาก Aa3 เป็น A1 (เทียบเท่า A+) เนื่องจากแนวโน้มการเพิ่มขึ้นของระดับหนี้ในประเทศ อย่างไรก็ดี Moody’s ยังประเมินแนวโน้มเครดิตว่ามีเสถียรภาพ (Credit outlook Stable) โดยกล่าวว่าจีนยังมีการเติบโตของ GDP ในอัตราสูงและยังมีเครื่องมือในการรับมือกับหนี้ที่เพิ่มขึ้นได้อย่างมีเพียงพอ
ทั้งนี้ เราประเมินการลดเครดิตจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและตลาดไม่มากนัก เนื่องจาก ประการแรกปัญหาหนี้ในจีนเป็นประเด็นที่ตลาดรับรู้มานานแล้ว และเป็นปัญหาต่อเนื่องตั้งแต่วิกฤติเศรษฐกิจโลกในปี 2008 ซึ่งจีนเร่งกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านการลงทุน เพื่อชดเชยการชะลอตัวของเศรษฐกิจภายนอกประเทศ ซึ่งส่งผลให้ระดับหนี้รวมของจีนเพิ่มขึ้นจาก 160% ของ GDP ในปี 2008 มาเป็น 260% ของ GDP ในปัจจุบัน
นอกจากนี้ ทางการจีนก็ได้แสดงท่าทีที่จริงจังในการแก้ไขปัญหาหนี้ โดยออกมาตรการที่เข้มงวด เช่น การปรับเพิ่มดอกเบี้ยในตลาดเงิน การกำหนดโควตาการปล่อยกู้ของธนาคาร และการคุมเข้มการปล่อยกู้นอกภาคธนาคาร (Shadow Banking) ซึ่งมาตรการดังกล่าวเริ่มทยอยส่งผลให้การปล่อยสินเชื่อในจีนเริ่มชะลอตัวลงอย่างชัดเจน
ประการที่สอง หนี้ส่วนใหญ่ของรัฐบาลเป็นหนี้ในสกุลเงินหยวนที่ถือครองโดยนักลงทุนในประเทศ นักลงทุนต่างชาติมีการลงทุนในพันธบัตรจีนคิดเป็นสัดส่วนเพียง 1.5% ของพันธบัตรทั้งหมด ประกอบกับมาตรการควบคุมเงินไหลเข้า-ออกจากประเทศที่เข้มงวด ทำให้โอกาสที่จะเกิดการเทขายตราสารหนี้ของนักลงทุนต่างชาติมีจำกัด
อย่างไรก็ดี การปรับลดอันดับเครดิตอาจส่งผลให้การเปิดซื้อขายตราสารหนี้ข้ามตลาดระหว่างจีนและฮ่องกง (China-Hong Kong Bond Connect) ซึ่งจะเปิดดำเนินการในปีนี้ และมุ่งหวังดึงดูดเม็ดเงินจากนักลงทุนต่างชาติให้เข้ามาลงทุนในตลาดตราสารหนี้จีนอาจไม่ได้รับผลตอบรับที่ดีเท่าที่ควร
ทั้งนี้ การเชื่อมตลาดระหว่างจีนและฮ่องกงครั้งนี้นับเป็นการเชื่อมตลาดที่ 3 หลังจากทางการได้เชื่อมการซื้อขายหุ้นระหว่างตลาดจีนและฮ่องกง 2 เส้นทาง ได้แก่ Shanghai-Hong Kong Stock Connect (2014) และ Shenzhen-Hong Kong Stock Connect (2016) ซึ่งป็นส่วนหนึ่งในแผนการเปิดเสรีเงินทุนเคลื่อนย้าย และความพยายามในการดึงดูดเงินลงทุนจากต่างชาติให้เข้ามาลงทุนในจีนมากขึ้น โดยในฝั่งตลาดหุ้น ทางการจีนยังคาดหวังให้ MSCI ตัดสินใจรวมหุ้นจีน A-Shares เข้าเป็นส่วนหนึ่งของการคำนวณดัชนี MSCI Emerging Market ซึ่งจะมีการประกาศผลในวันที่ 20 มิ.ย.นี้
อย่างไรก็ตาม หากหุ้นจีน ได้ถูกรวมเข้าไปในดัชนีก็จะทำให้นักลงทุนต่างชาติมีความสนใจลงทุนในหุ้นจีนเพิ่มขึ้น แต่อย่างไรก็ดี MSCI ยังแสดงความกังวลถึงข้อจำกัดการลงทุนด้านต่างๆ เช่น การประกาศพักการซื้อขาย (Suspension) ของหุ้นหลายตัวในช่วงที่ตลาดปรับตัวลดลงแรง และการที่สถาบันการเงินต่างชาติยังต้องขออนุมัติจากทางการจีนก่อนที่จะออกผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่อ้างอิงหุ้น หรือดัชนีที่มีหุ้นจีนเป็นส่วนประกอบ