ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 8 ส.ค.59 ปิดที่ 1,542.26 จุด เพิ่มขึ้น 23.57 จุด มีมูลค่าการซื้อขาย 76,292.36 ล้านบาท ต่างชาติซื้อสุทธิ 6,887.69 ล้านบาท
หุ้นที่ซื้อขายสูงสุด KBANK ปิด 200 บาท บวก 9.50 บาท, SCB ปิด 163.50 บาท บวก 7 บาท, ADVANC ปิด 185 บาท บวก 7 บาท, AOT ปิด 412 บาท บวก 17 บาทและ TRUE ปิด 8.95 บาท บวก 0.30 บาท
บล.ทิสโก้มองหุ้นไทยมีโอกาสบวกต่อ ด้านเทคนิค มองช่วง 1-2 เดือนนี้ ดัชนีหุ้นมีโอกาสขึ้นไปทดสอบ 1,600 จุด แต่ช่วงสั้น จะมีแรงขายทำกำไรระหว่างทางที่แนวต้านสำคัญ 1,550-1,560 จุด แต่เป็นการปรับฐานเพื่อขึ้นต่อ
แนะกลยุทธ์ลงทุน แนะเก็งกำไรหุ้นอิงกระแสเงินทุนต่างชาติ เช่น กลุ่มแบงก์และสื่อสารและหุ้นที่ได้ประโยชน์จากการเดินหน้ากระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ เช่น รับเหมาก่อสร้าง ด้านเทคนิคระยะสั้นให้แนวต้าน 1,550 จุด ส่วนแนวรับ 1,535-1,532 จุด
ส่วน บล.กสิกรไทย แนะกลยุทธ์ ถือหุ้นระยะยาว เนื่องจากหากการเลือกตั้งเป็นไปตามโรดแม็ปจะทำให้เงินทุนต่างประเทศกลับเข้ามาลงทุนมากขึ้นอีกครั้ง และแนะให้เข้าซื้อเมื่อดัชนีอ่อนตัวแตะมาที่ 1,450-1,490 จุด
ขณะที่ให้แนวต้านปีนี้ 1,560-1,580 จุด และแนวรับปีนี้ที่ 1,450-1,490 จุด แนะถือหุ้นที่เกี่ยวข้องกับการบริโภคภายในประเทศ HMPRO–GLOBAL–BLA และหุ้นที่ได้อานิสงส์จากการลงทุนภาครัฐ CK–STEC และ SCC ส่วนหุ้นแบงก์ แนะนำ SCB–BBL รวมถึงหุ้น TU–CPF–CENTEL
บล.เอเซียพลัส ประเมินว่าฟันด์โฟลว์จะเริ่มลดลงหลังจากนี้ เนื่องจากประชามติเป็นปัจจัยหนุนเพียงระยะสั้นเท่านั้น ประกอบกับหุ้นไทยมีอัพไซต์ที่ค่อนข้างจำกัด แนะนำหุ้นที่ยังปรับขึ้นช้ากว่าหุ้นในกลุ่ม และมีปันผลสูง เช่น BH-PS และหุ้นอื่นๆเช่น MCS-CK-SCC
ปิดท้าย ดร.วิน อุดมรัชตวนิชย์ ประธานกรรมการบริหาร บล.เคทีบีเผยว่า ผลประชามติส่งผลบวกกับตลาดสัปดาห์นี้ คาดว่าดัชนีแกว่งในกรอบ 1,510-1,566 จุด แนะนำลงทุนหุ้นที่ได้ผลบวกจากผลประชามติคือ BBL-ADVANC-PTT-STEC-CPALL
กลยุทธ์ลงทุน แนะนำลงทุนหุ้นที่ได้ผลบวกจากผลประชามติ คือหุ้นที่เป็นได้ประโยชน์จากการลงทุนภาครัฐ กลุ่มรับเหมาฯและธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง หุ้นที่มีฐานรายได้ในภูมิภาค และหุ้นที่อิงการจับจ่ายใช้สอยของประชาชน
แนะนำหุ้น BBL-ADVANC-PTT-STEC-CPALL และหุ้น Domestic Play ได้แก่ MC-HMPRO รวมทั้งหุ้นที่ราคาลงมามาก และมีแนวโน้มฟื้นตัว BA-SAT-SVI-BH!!
"อินเด็กซ์ 51"