“ปริญญ์ พานิชภักดิ์” กรรมการผู้จัดการ CLSA (ประเทศไทย) ยังคงประเมินดัชนีสิ้นปีนี้ว่าจะแตะระดับ 1,750 จุด หรือปรับขึ้นได้อีกราว 15%
โดยที่ระดับดังกล่าวจะมีราคาต่อมูลค่าทางบัญชีหรือ P/BV อยู่ที่ 2.3 เท่า ถือว่าค่อนข้างสูง แต่เชื่อว่าการใช้จ่ายและการลงทุนของภาครัฐ จะเป็นปัจจัยที่ช่วยกระตุ้นตลาดหุ้นไทยได้ นอกจากนี้ยังคาดว่ากำไรสุทธิต่อหุ้น (EPS) ของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทยปีนี้ จะเติบโตโดยเฉลี่ย 15-17% จากปีก่อน จากการคาดการณ์ว่าจีดีพีไทยปีนี้จะขยายตัวได้ที่ 3.5%
“ปริญญ์” มองปัจจัยกระตุ้นตลาดว่ามาจากการใช้จ่ายภาครัฐและการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานหลัง ครม.เห็นชอบแผนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งปี 58-65 รวมทั้งสิ้น 1.91 ล้านล้านบาท
โดยประเมินว่า นักลงทุนต่างชาติจะเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทยอย่างต่อเนื่อง ก็ต่อเมื่อมีการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานจากภาครัฐอย่างชัดเจน ซึ่งจะทำให้ตัวเลขเศรษฐกิจดีขึ้น เพราะการใช้จ่ายภาครัฐจะส่งผลทำให้เกิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจรวมถึงมีการจ้างงานที่เพิ่มขึ้น และทำให้เงินทุนต่างชาติไหลเข้ามาลงทุนมากขึ้น
นอกจากนี้ยังได้คาดการณ์ว่า กนง.น่าจะปรับลดดอกเบี้ยนโยบายลงอีก 0.25% ในการประชุมเดือน ส.ค.นี้ ซึ่งจะทำให้ระดับอัตราดอกเบี้ยนโยบายมาอยู่ที่ 1.25% เพื่อกระตุ้นการส่งออกและเศรษฐกิจโดยรวม หลังเศรษฐกิจไทยอ่อนแรงกว่าที่คาด ขณะที่การใช้จ่ายภาครัฐที่เพิ่มขึ้น ไม่ได้ช่วยชดเชยการส่งออกและการบริโภคที่ลดลง
ขณะที่ยังคาดว่าจะได้เห็นการอ่อนค่าของเงินบาทไปอยู่ที่ระดับ 33.75 บาทต่อดอลลาร์ในสิ้นปีนี้
สำหรับหุ้นที่ CLSA ให้น้ำหนัก overweight คือกลุ่มธนาคารพาณิชย์ เนื่องจากราคาหุ้นยังไม่สูง และหลายแห่งให้ผลตอบแทนเงินปันผลสูง ขณะที่ไม่กังวลกับหนี้ NPL ที่เพิ่มขึ้นในไตรมาสแรก เพราะมองว่าธนาคารพาณิชย์มีความระมัดระวังในการปล่อยกู้มากแต่กังวลเรื่องการโตของสินเชื่อมากกว่า ทั้งนี้ เลือก KTB เป็น Top Picks โดยได้ประโยชน์จากการปล่อยกู้ให้โครงการลงทุนภาครัฐ ส่วนแบงก์เล็กเลือก TISCO ได้ผลดีจากการลดดอกเบี้ย
ส่วนเด่นกลุ่มอื่นๆ พลังงาน เลือก PTT, PTTGC ได้ผลดีจากการปฏิรูปพลังงาน อสังหาริมทรัพย์ ชอบ LH, AP และ PS
อย่างไรก็ตาม CLSA ให้น้ำหนัก underweight กลุ่มสื่อสาร แต่หุ้น TRUE น่าลงทุนเพราะคาดว่าปีนี้ผลประกอบการจะกลับมามีทิศทางที่ดี!!
อินเด็กซ์ 51