จับตาผลกระทบตลาดหุ้นไทย หลังพิชัย ชุณหวชิร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง มีแนวคิดปรับปรุงโครงสร้างภาษีเพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์มากขึ้น โดยเล็งปรับลดภาษีเงินได้นิติบุคคลและภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาลดลงเหลือ 15% และปรับเพิ่มการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) จากเดิม 7%
นักวิเคราะห์หลักทรัพย์มองว่าเป็นบวกต่อการเพิ่มรายได้ของภาครัฐ และสนับสนุนให้บริษัทจดทะเบียนและภาคธุรกิจมีกำไรมากขึ้น พร้อมเป็นสัญญาณบวกหนุนกระแสเงินลงทุนต่างชาติไหลกลับหุ้นไทยได้
บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด ระบุว่า วานนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เผยแนวทางในการปรับปรุงการจัดเก็บภาษีเพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ ดังนี้
เมื่อพิจารณาแหล่งรายได้ของรัฐบาลในงบประมาณปี 2567 (ต.ค.66 - ก.ย.67) ส่วนใหญ่มาจากภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) คิดเป็นสัดส่วน 28% และหากมีการปรับโครงสร้างภาษีให้มาอยู่ที่ฐาน 15% เบื้องต้น ฝ่ายวิจัยฯ ประเมินว่าจะทำให้รัฐบาลสามารถจัดเก็บรายได้มากกว่าที่สูญเสียไป
ทั้งนี้ การปรับโครงสร้างภาษีหนุนกระแสเงินลงทุนต่างชาติไหลกลับหุ้นไทยได้ วานนี้มีสัญญาณดีขึ้น จากกระแสเงินลงทุนต่างชาติที่กลับมาซื้อสุทธิในตลาดการเงินไทยทุกแห่ง คือ ต่างชาติซื้อสุทธิตราสารหนี้ไทย 3.17 พันล้านบาท ซื้อสุทธิหุ้นไทย 1.4 พันล้านบาท
และซื้อ SET50 FUTURES สูงถึง 36,951 สัญญา ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะได้รับ SENTIMENT บวกจากการที่คลังจะปรับโครงสร้างภาษีแบบ 15 – 15 - 15 โดยเฉพาะประเด็นการปรับลดภาษีนิติบุคคลจาก 20% เหลือ 15%
เบื้องต้นฝ่ายวิจัยฯ ประเมินประเด็นการปรับลดภาษีนิติบุคคลจาก 20% เหลือ 15% ช่วยหนุนตลาด และแนวโน้มกำไรบริษัทจดทะเบียนเพิ่มขึ้นได้ ดังนี้
"ประเด็นการปรับโครงสร้างภาษีนิติบุคคล มีโอกาสหนุน EPS ตลาดเพิ่มขึ้นได้ 6% พร้อมกับจูงใจเห็นการลงทุนทั้งทางตรงและทางอ้อมขึ้นได้"