นอกจากหุ้น DELTA ที่ขึ้นมาอย่างร้อนแรงในช่วงที่ผ่านมาแล้ว หนึ่งในหุ้นนักลงทุนต่างให้ความสนใจคงหนีไม่พ้นหุ้น CCET หรือ บริษัท แคล-คอมพ์ อีเล็คโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ชั้นนำ ที่ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นมาอย่างร้อนแรงไม่แพ้กันนับตั้งแต่ต้นปี 2567 จากราคาหุ้นอยู่เพียง 2.20 บาท เพิ่มขึ้นกว่า 5.95 บาท หรือมากกว่า 270%
แต่ล่าสุดจากการประชุมนักวิเคราะห์วันที่ 25 พฤศจิกายน 2567 ที่ผ่านมา กลับพบว่า โบรกเกอร์ฯ ออกมาให้คำแนะนำ “ถือ” หรือบางรายแนะนำให้ “ลดน้ำหนักลงทุน” ทำให้เจอแรงขาย จนราคาหุ้นวานนี้ (26 พ.ย.67) ปิดตลาดปรับตัวลดลงกว่า 0.80 บาท หรือ -8.94% จากราคาปิดวันก่อนหน้า มาอยู่ที่ 8.15 บาท
นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ บียอนด์ จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์ว่า มีมุมมองเป็นกลางหลังการประชุมนักวิเคราะห์เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2567 โดยคาดไตรมาส 4/67 จะเติบโตเด่นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จาก ฐานที่ต่ำที่ 102 ล้านบาท ขณะที่กําไรสุทธิใน 9 เดือนแรกของปีนี้ คิดเป็น 74% ของเป้าหมายทั้งปี ยังคงประมาณกําไรสุทธิอยู่ที่ 2.6 พันล้านบาท ในปี 2567
ส่วนกำไรสุทธิปี 2568 คาดอยู่ที่ 3.1 พันล้านบาท และในปี 2569 อยู่ที่ 3.6 พันล้านบาท โรงงานจังหวัดเพชรบุรีคาดว่าจะก่อสร้างเสร็จในไตรมาส 1/68 และเริ่มการผลิตในช่วงครึ่งแรกของปี 2568 ในขณะที่โรงงาน 16 ในมหาชัยได้เริ่มทําการผลิตแล้ว ในช่วงไตรมาส 4/67 ซึ่งเน้นผลิตภัณฑ์ในส่วนของ SSD Product นอกจากนี้บริษัท ได้ลงทุนซื้อพื้นที่เพิ่มเติมในจังหวัดเพชรบุรีเพื่อรองรับการขยายตัวในอนาคต
ทั้งนี้ บริษัทได้ดําเนินการขยายโรงงานในประเทศบราซิล โดยคาดว่าจะเสร็จสิ้น พร้อมทั้งรองรับลูกค้าใหม่ที่จะเข้ามาเพิ่มเติม ในปี 2568 การขยายโรงงานนี้ช่วยเพิ่มกําลังการผลิตในตลาดอเมริกาใต้ พร้อมช่วยรองรับลูกค้าใหม่
นอกจากนี้ บริษัทยังคงเน้นการให้บริการผลิตสินค้าที่ที่มีไฮมาร์จิ้น บริษัทคาดว่าจะใช้กําลังการผลิตได้อย่างเต็มศักยภาพได้ในปี 2568 ตามความต้องการของ ลูกค้า
อย่างไรก็ตาม คาดว่าสัดส่วนรายได้ยังคงอยู่ในผลิตภัณฑ์อย่าง เครื่องปริ้น และอุปกรณ์หน่วยความจําอย่าง HDD ในขณะที่อุปกรณ์สวมใส่อัฉริยะเริ่มมีสัดส่วนรายได้ที่เพิ่มขึ้นในปี 2567 ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีอัตรากำไรสูง ช่วยหนุนภาพรวมให้อัตรากำไรขั้นต้นปรับตัวเพิ่มขึ้น
อย่างไรก็ตาม คงคําแนะนํา “ลดน้ําหนักลงทุน” ราคาเป้าหมาย 5.00 บาท โดยอ้างอิง จาก P/E ปี 2568 ที่ 16.8 เท่า แม้ว่าบริษัทจะได้รับอานิสงส์จากนโยบาย Trade war 2.0 ซึ่งส่งผลให้ลูกค้าบางส่วนย้ายฐานการผลิตออกจากจีนมาที่ ภูมิภาคอื่น รวมถึงการปรับเปลี่ยนไลน์ผลิตภัณฑ์เพื่อเน้นสินค้าที่มีอัตรากำไรสูง แต่เรามองว่าราคาหุ้นปัจจุบันได้สะท้อนปัจจัยบวกเหล่านี้ในระดับที่มากพอสมควรแล้ว
อ่านข่าวหุ้น และการลงทุน กับ Thairath Money ได้ที่
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้